Skip to main content
Spotlight on China

มองไปที่จีน

ศ., 07/19/2024 - 10:07

จากความตื่นเต้นทั้งหลายที่รายล้อมการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจุดเปลี่ยนของนโยบายทางการเงินจากเฟดที่มีการติดตามอย่างใกล้ชิด เราจึงอาจลืมประเทศจีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกไปได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เรื่องทั้งหมดนี้กำลังเกิดขึ้น ประเทศมหาอำนาจแห่งเอเชียก็ค่อยๆ พยายามหาทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของตนเอง หลังการแพร่ระบาดของโควิด ถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงค่อนข้างคงที่ เนื่องจากโมเดลทางเศรษฐกิจแบบสั่งได้ของประเทศ แต่จีนก็พบกับปัญหาในการกลับไปทำให้ GDP เติบโตมากกว่า 6% เหมือนในปี 2019 จากตัวเลขล่าสุด เศรษฐกิจจีนขยายตัว 4.7% ในไตรมาสที่ 2 ปี 2024 ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสม แม้ว่าจะยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของ Reuters ที่ 5.1% และต่ำกว่าการเติบโต 5.3% ในไตรมาสที่ 1 ยอดค้าปลีกในเดือนมิถุนายนยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ด้วยเช่นกัน โดยเติบโต 2% จากปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.3% ตัวเลขนี้ส่งผลทำให้ Hang Seng ของฮ่องกงลดลง 1.73%

อย่างไรก็ตาม นี่ยังคงห่างไกลจากขั้นวิกฤต หุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนยังคงมีราคาดีเป็นอย่างมาก และปัจจัยพื้นฐานสำหรับการฟื้นตัวยังคงอยู่ นอกจากนี้ ปัญหาที่แท้จริงของเศรษฐกิจจีน ซึ่งก็คือตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทรุดตัวลง กำลังแสดงสัญญาณของการฟื้นตัว ทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง หากตัวเลข GDP สามารถดีขึ้นได้ภายในสิ้นปี มุมมองจะเป็นบวกขึ้นอย่างมาก แล้วสิ่งนี้จะส่งผลอย่างไรต่อนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้น และอะไรคือปัจจัยสำคัญ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนสินทรัพย์ของจีน ในช่วงที่เหลือของปี 2024?

พูดถึงความคุ้มค่า

เมื่อเราลองถอยห่างออกจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และสภาวะตลาดหุ้นในประเทศจีนในภาพรวม สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดสายตาของนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นอย่างแน่นอนคือ มูลค่าซ่อนอยู่ในหุ้นบลูชิปของจีนในขณะนี้ ตัวอย่างเช่น Alibaba ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซ และการประมวลผลบนคลาวด์ ในปัจจุบัน (18/50) มีราคาที่น่าสนใจเป็นอย่างมากที่ $77.04 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี โดยมีอัตราส่วน P/E อยู่ที่ 17.8 อีกทั้งยังมีการจ่ายเงินปันผลอยู่ที่ 2.6% นอกจากนี้ราคาปัจจุบันของ Tencent ที่เป็นเจ้าของ WeChat อยู่ที่ 370.40 ดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี แต่ P/E ที่ 25 และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 0.92% ก็ถือว่ายอดเยี่ยมในบริบทของหุ้นเติบโต อย่างไรก็ตาม Baidu มีความคุ้มค่ามากที่สุดจากทั้งหมด ที่ราคา $91.09 ADR กำลังอยู่ที่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2013 และมีอัตราส่วน P/E เพียง 12.19 และถึงแม้ว่าเราควรระมัดระวังเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่มีความคุ้มค่า แต่เรากำลังพูดถึงบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด และประสบความสำเร็จมากที่สุด ในประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ในปัจจุบัน ลมต้านของกฎระเบียบที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น และกฎหมายต่อต้านการผูกขาดจาก CCP เริ่มที่จะผ่อนคลายลง และบริษัทยักษ์ใหญ๋ในจีนเหล่านี้ ก็กำลังสร้างฐานในตลาดโลกที่กำลังพัฒนา ทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา ในอีกไม่ช้าเราอาจได้เข้าสู่วงรอบของการเติบโต จริงๆ แล้ว ดัชนี FTSE China A50 กำลังอยู่ที่ 12,302.80 ซึ่งลดลง 40% จากจุดสูงสุดในปี 2021 ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าค่าเฉลี่ยที่ -33.38% มาก และมีระยะเวลาการลดลงมากกว่าค่าเฉลี่ยที่ 1.4 ปี อยู่สองเท่า ซึ่งหมายความว่า เราเลยช่วงเวลาที่น่าจะเกิดวัฏจักรขาขึ้นไปแล้ว

เศรษฐกิจมหภาคไม่มีความหมายเลยใช่หรือไม่?

นอกจากสภาวะตลาดตามที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคในวงกว้าง ที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นจีน ใครที่ติดตามจีนคงจำได้ถึงเหตุการณ์วิกฤตตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2021 ที่เกิดขึ้นจากการล่มสลายของ Evergrande Bank ซึ่งถูกเรียกว่า “ปี 2008 ของจีน” และผลที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายให้กับทั้งนักลงทุนทั่วไป และตลาดทุนของประเทศ ผู้คนต่างกลัวการลงทุนใดๆ หลังจากเกิดการขาดทุนที่ไม่คาดคิด ในประเภทสินทรัพย์แบบดั้งเดิมที่ "ผ่านการพิสูจน์ว่าไม่หลอกลวง" และตราสารที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้นของบริษัท จึงอยู่นอกเหนือการพิจารณาลงทุนของใครหลายคน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานสถิติแห่งชาติบ่งบอกว่า การฟื้นตัวในเมืองหลักและเมืองรองเริ่มเกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากมีการขายเพิ่มขึ้น 3.6% จากเดือนเมษายน ในขณะเดียวกัน ตัวเลขจาก Global Times เปิดเผยว่า เกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 100 อันดับแรกมองว่า มูลค่ายอดขายบ้านเพิ่มขึ้นเดือนต่อเดือนในเดือนมิถุนายน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ ATH ครั้งล่าสุดของดัชนี A50 เกิดขึ้นในปี 2021 ซึ่งทำให้เราคิดว่า เมื่อราคาที่อยู่อาศัยฟื้นตัว เรามีแนวโน้มที่จะเห็นการไหลเข้าของเม็ดเงินไปสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเช่นหุ้น และถึงแม้ว่า GDP ล่าสุดจะพลาดเป้าไป แต่การเติบโตถูกคาดว่าจะดีขึ้นระหว่าง 0.1 ถึง 0.3 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ โดยมีค่ากลางของการคาดการณ์การเติบโตของ GDP อยู่ที่ 4.9% หากเป็นไปตามความคาดหวังเหล่านี้ ก็จะเป็นการส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะได้รับแรงเสริมจากความคุ้มค่าของหุ้นจีนในปัจจุบัน และสุดท้าย นโยบาย CCP มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดความสนใจหุ้นภายในประเทศ จากการซื้อหุ้นแผ่นดินใหญ่ของรัฐบาล

เทรดหุ้นทั่วโลกและ CFD ตัวอื่นๆ ด้วย Libertex

Libertex ให้บริการ CFD ของสินทรัพย์อ้างอิงมากมาย ตั้งแต่สินค้าโภคภัณฑ์ โลหะ และฟอเร็กซ์ ไปจนถึง ETF ออปชัน และหุ้น คุณสามารถเปิดโพซิชั่น CFD ของหุ้นได้ ทั้งแบบ สถานะซื้อ หรือ สถานะขาย ด้วยแพลตฟอร์ม Libertex นอกเหนือจากดัชนีหุ้นตะวันตก เช่น S&P 500, EURO STOXX 50 และ Nasdaq แล้ว Libertex ยังมีดัชนี 2 ตัวที่มุ่งเน้นไปที่จีนใน A50 and Hang Seng รวมถึงหุ้นจีนรายตัว เช่น Tencent Holdings, Baidu และ Alibaba หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือเปิดบัญชี ให้ไปที่ www.libertex.org/signup วันนี้

สัมผัสกับความน่าตื่นเต้นของการเทรด!

ลงทะเบียนเปิดบัญชีเดโมกับ Libertex และมาเรียนรู้วิธีการเทรด