เมื่อเราคิดถึงเรื่องหุ้น เรามักโฟกัสไปที่สหรัฐอเมริกาและยุโรป แต่เนื่องจากเอเชียยังคงเป็นหนึ่งในตลาดผู้ผลิตและผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดัชนีหุ้นของเอเชีย เริ่มตั้งแต่ Hang Seng และ Shanghai Composite ไปจนถึง NIFTY 50 และ Nikkei 100 จึงควรค่าให้เราลองพิจารณา จริงๆ แล้ว เพียงแค่ดัชนี NIFTY 50 ที่เดียว ก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 2,500% แล้ว นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี 1999 ในขณะที่ดัชนีหลักๆ ของจีน ยังสามารถรักษาระยะห่างกับดัชนีของสหรัฐฯ ได้ นอกเหนือจากอัปไซด์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นแล้ว หุ้นเอเชียยังให้บางสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งขึ้นไปอีก: การกระจายความเสี่ยงด้วยสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์ต่ำกับสินทรัพย์ในสหรัฐฯ และยุโรป
เหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อไม่นานมานี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป หุ้นเทคขนาดใหญ่ 3 ตัวของจีน ได้แก่ Alibaba, Baidu และ Tencent ปรับตัวลง 30%, 40% และ 5% ตามลำดับ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2023 ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ S&P 500 และ Nasdaq 100 ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 35% และ 90% ตามลำดับ โดยหุ้นรายตัวเช่น Nvidia มีการเพิ่มขึ้นมากถึง 900% แต่ในปัจจุบัน ความกังวลเรื่องภาวะเงินฝืดของจีนดูเหมือนจะเบาลงแล้ว และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็มีทิศทางที่ดีขึ้น มีหลายคนที่ได้พยายามชี้ให้เห็นว่า ยักษ์ใหญ่ด้านเทคของจีนที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำเกินไป น่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2024 และปีต่อๆ ไป ในขณะเดียวกัน เสถียรภาพทางการเมืองที่พึ่งเกิดขึ้นในอินเดีย คาดว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเช่นเดียวกัน แล้วอะไรคือปัจจัยสำคัญ ที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของหุ้นในเอเชีย?
การเยียวยาทางเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจสำหรับหลายประเทศ ในช่วงเวลาหลังการแพร่ระบาดของโควิด มีความยากลำบาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อดัชนีหุ้นสหรัฐอย่างรุนแรง เหมือนกับดัชนีหุ้นในเอเชีย แต่ตัวเลขในภาพรวมก็ไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดได้ ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจริงๆ แล้วส่วนใหญ่ มาจากหุ้นเพียงไม่กี่ตัวที่มีการปรับตัวขึ้นมากกว่าส่วนอื่น โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในเซกเตอร์ AI Nasdaq 100 เพิ่มขึ้นเกือบ 1,000% แต่ Russel 2000 โดยส่วนใหญ่กลับนิ่ง
ดัชนีหุ้นของจีนไม่ได้มีการถ่วงน้ำหนักแบบอสมมาตร และการไม่มีหุ้นเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอย่างเช่น Nvidia ได้ทำให้การเติบโตส่วนใหญ่อยู่ในการควบคุม ในขณะนี้ดัชนีราคาผู้บริโภคได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.3% ในเดือนพฤษภาคม และความกังวลต่อภาวะเงินฝืดได้คลี่คลายลงไม่มากก็น้อย คาดว่าบริษัทต่างๆ ในจีน จะรายงานผลประกอบการในประเทศที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และพึ่งพาการส่งออกที่แข็งแกร่งน้อยลง การพูดคุยเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากรถยนต์ EV ของจีนที่สูงขึ้น จากทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ทำให้เกิดการพูดถึงผลงานของผู้เล่นรายสำคัญ เช่น BYD และ Contemporary Amperex Technologies แต่นักการทูตจีนยังคงมีมุมมองเชิงบวก เกี่ยวกับการหาทางประนีประนอมกับฝ่ายนิติบัญญัติในยุโรป
มูลค่าที่ไม่มีใครเทียบได้
หุ้นเติบโตมีลักษณะเด่นในด้านการมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรที่สูง และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ต่ำ โดยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีลักษณะเช่นนี้ จริงๆ แล้ว Amazon, Tesla และ NVIDIA ต่างมีอัตราส่วน P/E ที่ใกล้เคียงหรือสูงกว่า 50 อย่างมาก และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเป็นศูนย์หรือต่ำกว่า 1% ซึ่งถือเป็นปัจจัยลบ ในบริบทปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยมากกว่า 5% ในขณะเดียวกัน บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ 3 แห่งของจีน ล้วนมีอัตราส่วน P/E ต่ำกว่า 30 โดยที่ Alibaba มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 2.71%
เมื่อพิจารณาที่ราคา ความจริงที่ว่าหุ้นเหล่านี้ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว ในช่วงการปรับตัวขึ้นของหุ้นในสหรัฐอเมริกาเมื่อเร็วๆ นี้ หมายความว่า มูลค่าหุ้นของจีนมีความเหมาะสมอย่างมาก เมื่อเทียบกับคู่แข่ง จริงๆ แล้ว ราคาของ Tencent แทบจะอยู่ในระดับเดียวกับราคาในเดือนมีนาคม 2020 ส่วน Alibaba มีราคาถูกกว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้ถึง 60% Baidu มีราคาถูกกว่า 30% เมื่อเทียบกับ Q1 2020 เมื่อเราพิจารณาถึงความได้เปรียบทางการแข่งขันที่บริษัทเทคโนโลยีของจีนมีในระยะยาวแล้ว — ด้วยตลาดขนาดใหญ่ การแข่งขันจากภายนอกที่มีจำกัด และการสนับสนุนจากรัฐบาล — ศักยภาพในการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระยะยาวจึงดูแข็งแกร่ง ทั้ง Tencent และ Alibaba ต่างก็ได้เป็นผู้เล่นหลักในด้านการประมวลผลบนคลาวด์ AI ระบบการชำระเงิน และ IoT ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของทศวรรษหน้า การโฟกัสไปที่เรื่องเหล่านี้ จะช่วยให้พวกเขาสามารถขยายธุรกิจพื้นฐานไปทั่วเอเชียและทั่วโลก สามารถแข่งขันได้แม้กระทั่งกับบริษัทของสหรัฐฯ เช่น Amazon และ Alphabet
เทรด CFD ของหุ้นเอเชียและตัวอื่นๆ อีกมากมายที่ Libertex
Libertex ให้บริการ CFD ของสินทรัพย์อ้างอิงมากมาย ตั้งแต่สินค้าโภคภัณฑ์ โลหะ และฟอเร็กซ์ ไปจนถึง ETF ออปชั่น และหุ้น แพลตฟอร์มของ Libertex จะให้คุณสามารถเปิดโพซิชั่น CFD ของหุ้นได้ ทั้งแบบ สถานะซื้อ หรือ สถานะขาย นอกจากดัชนีตัวหลักของเอเชีย เช่น China A50, Hang Seng, และ iShares China Large-Cap แล้ว Libertex ยังมี CFD ของหุ้นจีนรายตัว เช่น Alibaba, Tencent, และ Baidu หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสร้างบัญชีเป็นของคุณเอง ให้ไปที่ www.libertex.org/signup วันนี้