หลังจากช่วงเวลาที่ค่อนข้างคลุมเครือ ตลาดสกุลเงินได้กลับมาคึกคักอีกครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อสกุลเงินหลักของโลก เริ่มพลิกกลับแนวโน้มของการแข็งค่าของดอลลาร์ที่เริ่มขึ้น หลังจากการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดือนพฤศจิกายน ทั้ง GBP/USD และ EUR/USD ต่างปรับตัวขึ้น 3% เต็มในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นในอัตราเดียวกัน ส่งผลให้ USD/JPY ลดต่ำลงกว่าระดับทางจิตวิทยาที่ 150 ในขณะเดียวกัน ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุสิบปี ลดลงถึง 0.25% ภายในเวลาเพียงห้าวันทำการ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ ของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาดฟอเร็กซ์ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เหตุผลในการปรับตัวของตลาดสกุลเงินโลกมีอยู่มากมาย ปัจจัยหลักที่มีผลต่อทั้งขนาดและระยะเวลาของการเคลื่อนไหวของตลาด จะเกี่ยวข้องกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินโดยธนาคารกลางที่สำคัญ รวมถึงระดับของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า และผลกระทบของสงครามดังกล่าวต่อปริมาณการเทรดดอลลาร์ และความเชื่อมั่นระหว่างประเทศที่มีต่อสกุลเงินของสหรัฐฯ
ค่อยเป็นค่อยไป
หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยถูกตรึงอยู่ในช่วง 4.25-4.5% เป็นเวลาหลายเดือน จึงดูเหมือนว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจพร้อมสำหรับการพิจารณาใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ในขณะนี้ CME FedWatch Tool ได้ประเมินโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 25 bps ในเดือนมิถุนายนไว้ที่ 50.0% แม้ว่าจะมีบางส่วนเชื่อว่า อาจเกิดเร็วกว่านั้นอีก หากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่สูง สามารถปรับลดลงเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ได้ก่อนหน้านั้น ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ กับข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ PCE ในวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อ ที่เฟดให้ความสำคัญ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (T-note) ที่ลดลง บ่งบอกว่า สถาบันการเงินและ "เงินสมาร์ต" กำลังเตรียมพร้อมสำหรับท่าทีนโยบายที่ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มที่ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนตัวลงในอนาคตอันใกล้ นี่เป็นเหตุผลที่อธิบายว่า ทำไมเงินปอนด์ ยูโร และเยนจึงปรับตัวแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น แม้ว่าปัจจัยภายในประเทศอาจมีผล ในอีกไม่กี่สัปดาห์และไม่กี่เดือนข้างหน้า ผลสำรวจล่าสุดของ Reuters ซึ่งสอบถามความเห็นจากนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำพบว่า ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50% ในเดือนมีนาคม ก่อนจะปรับลดลงเหลือ 4.25% ในไตรมาสที่ 2 ขณะที่ Frederich Merz ผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนต่อไป ต้องการยกเลิกกฎ "debt brake" ซึ่งจำกัดการขาดดุลไว้ที่ 0.35% การเปลี่ยนแปลงนี้ จะเปิดทางให้ ECB มีโอกาสใช้นโยบายที่ผ่อนคลายมากขึ้น ปัจจัยทั้งคู่นี้อาจจะช่วยรักษาสมดุลการผ่อนคลายของเฟด และอาจนำไปสู่การปรับเข้าสู่ภาวะปกติของสกุลเงินหลัก ภายในช่วงฤดูร้อน
ศิลปะแห่งสงคราม
หนึ่งในความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดต่อสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลก คือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น ทรัมป์ได้เริ่มบังคับใช้อัตราภาษีศุลกากร 25% กับสินค้าจีนหลายรายการแล้ว ในขณะที่พรรค CCP ได้ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 10% และ 15% กับถ่านหินและ LNG จากสหรัฐฯ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีแผนขยายมาตรการไปยังประเทศอื่นๆ อีกหลายแห่ง รวมถึงอินเดียและบราซิล ซึ่งเป็นสองชาติสำคัญในกลุ่ม BRICSผลกระทบของนโยบายกีดกันทางการค้านี้ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หรือหุ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบในทางลบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย การค้าระหว่างประเทศที่ลดลง จะหมายถึงปริมาณธุรกรรมที่ใช้ดอลลาร์สหรัฐจะลดลงตามไปด้วยและอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในตัวดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก และยังอาจเร่งให้เกิดการเปลี่ยนไปใช้ช่องทางการชำระเงินรูปแบบอื่น ในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ
แม้ว่าในสมัยแรกของทรัมป์ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐจะเพิ่มขึ้นจากการประกาศมาตรการภาษีศุลกากร โดยพุ่งขึ้นถึง 10% ในปี 2018 และอีก 4% ในปี 2019 นี่เป็นช่วงเวลาที่ค่าเงินดอลลาร์แทบไม่มีคู่แข่งในฐานะสกุลเงินหลักของโลก และอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ยังสูงกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน BRICS ไม่ใช่กลุ่มเดียวที่กังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ Joachim Nagel ผู้กำหนดนโยบายของ ECB และประธานธนาคารกลางเยอรมนี Bundesbank ได้กล่าวว่า "โครงสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกสูง" ทำให้ยุโรป "มีความเปราะบางเป็นพิเศษ" ต่อมาตรการภาษีของทรัมป์ และจนถึงขณะนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ ในการกำหนดมาตรการทางภาษีกับสหภาพยุโรป แม้จะยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาอีกมาก แต่หากนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ผ่อนคลายลง พร้อมกับปริมาณการค้าระหว่างประเทศที่ลดลง ค่าเงินดอลลาร์อาจอ่อนตัวลงได้ และไม่เพียงแค่ดอลลาร์เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ค่าเงินยูโร ปอนด์ และเยน อาจได้รับผลกระทบทางลบเช่นกัน หากมาตรการภาษีส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันของการส่งออกลดลง
เทรดฟอเร็กซ์และ CFD อื่นๆ ด้วย Libertex
Libertex มี CFD ของสินทรัพย์มากมาย เริ่มตั้งแต่หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ คริปโต ไปจนถึงดัชนี ออปชัน และฟอเร็กซ์ ด้วย Libertex คุณสามารถเทรด CFD ของ EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY และดัชนีดอลลาร์สหรัฐ ได้ หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสร้างบัญชีเป็นของคุณเอง ให้ไปที่ www.libertex.org วันนี้!