หุ้นกลับมาอยู่ในพาดหัวข่าว และสร้างผลกำไรอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ การเติบโตไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสหรัฐฯ และยุโรปเท่านั้น หุ้นจีนที่เคยซบเซามาอย่างยาวนาน กำลังอยู่ในกระแสกระทิงรอบใหม่ การกลับมาของความคึกคักครั้งนี้ ทั้งในตลาดหุ้นทั้งจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง เกิดขึ้นหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายชุดในเดือนกันยายน เพื่อพยุงเศรษฐกิจในประเทศ ข่าวดังกล่าวช่วยให้หุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Alibaba, Tencent และ Baidu พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสองปี
อย่างไรก็ตาม การที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่มีจุดเด่นที่ชัดเจน รวมถึงการที่ดอนัลด์ ทรัมป์ — ซึ่งเป็นบุคคลที่มีท่าทีแข็งกร้าวต่อจีน — ชนะการเลือกตั้ง ส่งผลให้ตลาดเกิดการปรับฐานอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเทรดเดอร์ในฮ่องกงจำนวนมาก เลือกที่จะทำกำไรออกมาก่อน แทนที่จะรอให้มีการฟื้นตัวเต็มที่ ในทางกลับกัน ดัชนีในจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีความเป็นเอกเทศมากกว่า ยังคงสามารถรักษากำไรส่วนใหญ่ไว้ได้ โดยดัชนี China A50 ยังอยู่สูงกว่าระดับในเดือนกันยายนถึง 30% อยู่ที่ 13,450 ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน
ด้วยความเป็นไปได้ของการเรียกเก็บภาษีศุลกากร และวาทกรรมที่มีทีท่าต่อต้านจีนอย่างแข็งกร้าว จากผู้ได้รับการแต่งตั้งในรัฐบาลของทรัมป์ หลายคนเริ่มสงสัยว่า การฟื้นตัวครั้งนี้อาจหมดแรงลงในที่สุดหรือไม่ ในขณะเดียวกัน ปัจจัยภายในประเทศ เช่น การกลับมาให้ความสนใจสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น จะมีบทบาทสำคัญในอนาคตอย่างแน่นอน ในบทความนี้ เราจะมาพิจารณาว่า อนาคตของตราสารทุนจีนในยุคของทรัมป์จะเป็นอย่างไร และดูอีกด้วยว่า CCP จะดำเนินการอย่างไร เพื่อลดผลกระทบจากความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
อะไรคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้?
นับตั้งแต่ที่ทรัมป์ประกาศแคมเปญหาเสียงครั้งล่าสุด เราได้ยินวาทกรรมที่เป็นปฏิปักษ์ต่อจีนมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการเรียกร้องให้มีการตั้งภาษีนำเข้าของทุกอย่าง ตั้งแต่ 40% ถึง 60% และการห้ามจำหน่ายชิปคอมพิวเตอร์และเซมิคอนดักเตอร์รุ่นใหม่ ซึ่งส่งผลทำให้การคาดการณ์การเติบโตของ GDP สำหรับประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ถูกปรับลดลงถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เต็ม อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับกรณีอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับทรัมป์ เรายังไม่เห็นว่า ท่าทีดังกล่าวเป็นเพียงกลยุทธ์การเจรจาของเขา หรือเป็นเพียงการแสดงออกที่เกินจริงก่อนการเลือกตั้ง
แม้ว่าความเสี่ยงเหล่านี้จะทำให้บางคนมองว่า จีนเป็นประเทศที่ "ไม่เหมาะสมสำหรับการลงทุน" แต่ก็ยังมีผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่จำนวนไม่น้อย ที่เต็มใจเดิมพันกับมหาอำนาจแห่งเอเชีย ตัวอย่างเช่น Howard Marks ประธานร่วมและผู้ร่วมก่อตั้ง Oaktree Capital Management ได้กล่าวว่า เขากำลัง "มองหาข้อเสนอที่คุ้มค่าในตลาดภายในประเทศจีน" และมองว่า ความคิดเห็นเชิงลบเกี่ยวกับจีนเป็นเพียง "เสียงดนตรีเสนาะโสต(สำหรับเขา)" ทั้งนี้หุ้นจีนยังไม่เคยดีดตัวขึ้นหลังวิกฤตโควิดเลย ดังนั้นการประเมินมูลค่าของบริษัทที่มีศักยภาพมหาศาลหลายแห่ง จึงอยู่ในระดับที่ต่ำแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวอย่างเช่น อัตราส่วน P/E เฉลี่ยในภาคส่วนเทคโนโลยีของจีน อยู่ต่ำกว่า 20 ในขณะที่บริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่หลายแห่ง มีราคาเทรดต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี นอกจากนี้ ตัวชี้วัดที่แสดงความกลัวและความโลภ ยังบ่งชี้ถึงความกลัวที่มากเกินไปในหุ้นจีน ซึ่งในอดีตที่ผ่านมามักทำให้หุ้นเหล่านี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
ต้องการอะไรสามารถสั่งได้
น่าจะเป็นการดีที่เราควรจดจำไว้ว่า ตลาดหุ้นจีนโดยทั่วไปไม่ได้เคลื่อนไหวเหมือนกับ S&P 500 หรือ Nasdaq จีนเป็นรัฐที่มีพรรคเดียว ซึ่งมีระบบเศรษฐกิจแบบสั่งการ ดังนั้นอำนาจของทางการในการควบคุมตลาด จึงมีมากกว่าประเทศทางฝั่งตะวันตกอย่างชัดเจน หุ้นในประเทศส่วนใหญ่ ได้รับการปกป้องจากความผันผวนของราคา ที่เกิดจากการเม็ดเงินลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งแตกต่างจาก Hang Seng นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า CCP จะใช้มาตรการทางการคลังเชิงรุก เพื่อลดผลกระทบของภาษีศุลกากร โดยนักวิเคราะห์จาก Bank of America กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลปักกิ่งจะออกพันธบัตรเพิ่มเติม และเพิ่มการขาดดุล เพื่อสนับสนุนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งน่าจะช่วยส่งเสริมภาคอสังหาริมทรัพย์ และมูลค่าของบริษัทภายในประเทศ
ตามที่เราได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนได้เตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อผลักดันการเติบโตของ GDP ให้กลับมาอยู่ในระดับ 5% ขึ้นไป อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนยังคงหลีกเลี่ยงการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง และเลือกใช้การแปลงหนี้แบบ 'แบบซ่อนเร้น' มีความเป็นไปได้สูงว่า รัฐบาลปักกิ่งกำลังเก็บมาตรการที่รุนแรงบางอย่างไว้ สำหรับสงครามการค้าเต็มรูปแบบกับสหรัฐฯ สำหรับหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกง 'สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด' ยกเว้นกรณีการรุกรานไต้หวัน ได้ถูกสะท้อนไปแล้วหลังช่วงการเลือกตั้ง ดังนั้น การประกาศมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมใดๆ ในอนาคต มีแนวโน้มที่จะช่วยเพิ่มโมเมนตัมเชิงบวกให้กับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับจีน
เทรด CFD ของหุ้นจีน ด้วย Libertex
Libertex มี CFD สำหรับโพซิชั่นทั้งซื้อและขาย ของสินทรัพย์มากมาย เริ่มตั้งแต่คริปโต ฟอเร็กซ์ ไปจนถึงหุ้นและ ETF Libertex มี CFD ของดัชนีที่มุ่งเน้นจีน เช่น China A50 Index (XU) และ Hang Seng (HIS) รวมถึงหุ้นรายตัว เช่น Alibaba, Tencent, และ Baidu หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสร้างบัญชีเป็นของคุณเอง ให้ไปที่ www.libertex.org/signup