Skip to main content
¿Qué es el Bitcoin?
¿Qué es el Bitcoin?

Bitcoin คืออะไรและมีการทำงานอย่างไร?

แน่นอนว่าคุณจะต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เงินดิจิตอลตัวแรกและมีชื่อเสียงมากที่สุดได้ปรากฎอยู่บนพาดหัวข่าวเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าทะลุผ่าน $1,000 เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2017 และขึ้นไปถึง $19,000 ในเดือนธันวาคมของปีนั้น แล้วจึงตกลงมาเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ในช่วงต้นปี 2018

แต่ประวัติของ Bitcoin นั้นมีมากกว่านี้ และไม่ได้มีเพียงแค่ในข่าวที่พูดเกี่ยวกับความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้น มันได้รวมเอาเทคโนโลยี เงินตรา คณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และความเคลื่อนไหวทางสังคมมาไว้ในที่เดียวกัน มันมีหลายแง่มุม เกี่ยวกับทางด้านเทคนิคค่อนข้างมาก และพัฒนาต่อไปได้อย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากมันเป็นดิจิตอลทั้งหมดและไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับเงินตรา ผู้ใช้งานใหม่จึงอาจทำความเข้าใจได้ยาก คู่มือนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายถึงแนวความคิดพื้นฐาน และตอบคำถามพื้นฐานบางอย่างเกี่ยวกับ bitcoin

สรุปความเป็นมาโดยย่อ
บิตคอยน์ได้รับการคิดค้นขึ้นเมื่อปี 2009 โดยบุคคล (หรือกลุ่ม) ที่เรียกตัวเองว่า ซาโตชิ นากะโมโต้ (Satoshi Nakamoto) เขาได้ประกาศถึงวัตถุประสงค์คือการสร้าง "ระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่" ที่ "เป็นแบบกระจายจากศูนย์กลางโดยที่ไม่ต้องมีเซิฟเวอร์หรือผู้ควบคุมจากส่วนกลาง" ภายหลังจากที่ได้พัฒนาแนวคิดและเทคโนโลยี ในปี 2011 Nakamoto ได้ส่งซอร์สโค้ดและโดเมนให้กับสมาชิกคนอื่นๆ ของสังคม bitcoin และได้หายตัวไป

Bitcoin คืออะไร

Bitcoin คือสกุลเงินดิจิตอล มันเป็นแนวคิดที่อาจจะซับซ้อนกว่าที่คุณคิด: มันไม่ใช่เพียงแค่เงินที่มีการกำหนดค่าไว้ในบัญชีดิจิตอล เหมือนกับบัญชีธนาคารหรือวงเงินเครดิตของคุณ Bitcoin ไม่เหมือนเหรียญหรือธนบัตรที่สามารถจับต้องได้

Bitcoin แตกต่างจากเงินแบบดั้งเดิมอย่างไร?

Bitcoin สามารถนำมาใช้ในการจ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ถ้าหากทั้งสองฝ่ายยินยอม ในลักษณะนี้มันก็เหมือนกับเงินดอลลาร์ ยูโร หรือเยน ที่สามารถถูกซื้อขายได้ในรูปแบบดิจิตอล

แต่มันแตกต่างจากเงินตราที่เป็นดิจิตอลหลายอย่าง:

1. การกระจายจากศูนย์กลาง

ฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุดของ Bitcoin คือระบบกระจายจากศูนย์กลาง ไม่มีสถาบันใดที่คอยควบคุมเครือข่าย bitcoin มันได้รับการบำรุงรักษาโดยกลุ่มของนักเขียนโค้ดอาสาสมัครและอยู่ภายใต้การจัดการโดยเครือข่ายแบบเปิดของเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดพิเศษที่กระจายอยู่ทั่วโลก สิ่งนี้ดึงดูดบุคคลและกลุ่มที่รู้สึกไม่สบายใจกับการควบคุมของธนาคารหรือสถาบันของรัฐที่มีต่อเงินของพวกเขา

Bitcoin แก้ปัญหา "การจ่ายเงินซ้ำซ้อน" ของเงินอิเล็กทรอนิกส์ (ซึ่งสินทรัพย์ดิจิตอลสามารถถูกคัดลอกและนำมาใช้ซ้ำได้อย่างง่ายดาย) ผ่านการเข้ารหัสและสิ่งจูงใจทางเศรษฐกิจ ในเงินอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป ฟังก์ชั่นนี้จะถูกดำเนินการโดยธนาคาร ซึ่งให้พวกเขาสามารถควบคุมระบบแบบดังเดิมได้ ด้วย Bitcoin ความสมบูรณ์ของการทำธุรกรรมจะได้รับการบำรุงรักษาโดยเครือข่ายแบบเปิดที่ไม่ได้มีผู้ใดเป็นเจ้าของ

2. มีจำนวนจำกัด

เงินตราทั่วไป เช่น ดอลลาร์ ยูโร เยน ต่างมีจำนวนที่ไม่จำกัด: ธนาคารกลางสามารถสร้างขึ้นมาได้ตามที่ต้องการและพยายามที่จะควบคุมค่าของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ผู้ที่เป็นเจ้าของเงินตรา (และโดยเฉพาะประชากรที่ไม่ค่อยมีทางเลือก) เป็นผู้จ่ายค่าใช้จ่าย

ด้วย Bitcoin ปริมาณได้ถูกควบคุมโดยอัลกอริทึ่มที่อ้างอิง จำนวนเหรียญของ bitcoins เพียงเล็กน้อยได้ถูกสร้างขึ้นทุกชั่วโมง และจะเป็นเช่นนี้ต่อไปในอัตราที่ลดลงจนถึง 21 ล้านเหรียญ สิ่งนี้ทำให้ Bitcoin ดูน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์: ในทางทฤษฎีถ้าหากอุปสงค์เพิ่มขึ้นและอุปทานยังมีอยู่เท่าเดิม มูลค่าจะเพิ่มขึ้น

3. การไม่ระบุตัวตน

ถึงแม้ว่าผู้ที่ทำการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์แบบเดิมจะต้องมีการระบุตัวตน (เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบและเป็นไปตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน) ผู้ใช้งาน Bitcoin จะไม่ต้องเปิดเผยตัวตนทั้งหมด เนื่องจากไม่มี "ผู้ตรวจสอบ" จากส่วนกลาง ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องแสดงตัวตนเมื่อส่ง bitcoin ให้กับผู้อื่น เมื่อคำขอในการทำธุรกรรมได้ถูกส่ง โปรโตคอลจะตรวจสอบการทำธุรกรรมก่อนหน้านี้เพื่อยืนยันว่าผู้ส่งมีจำนวนเหรียญ Bitcoins ที่เพียงพอและมีอำนาจในการส่งมัน ระบบไม่จำเป็นต้องทราบตัวตนของคุณ

ในทางปฏิบัติ ผู้ใช้งานแต่ละคนจะถูกระบุตัวตนโดยที่อยู่ของ "wallet" (หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์) การทำธุรกรรมสามารถถูกสะกดรอยได้จากวิธีนี้ นอกจากนี้ตำรวจยังได้พัฒนาวิธีการที่ใช้ในการระบุตัวตนของผู้ใช้เมื่อมีความจำเป็น

กฎหมายได้กำหนดไว้ว่า ตลาดเกือบทุกแห่งจะต้องตรวจสอบตัวตนของลูกค้าก่อนที่ลูกค้าจะสามารถทำการซื้อหรือขาย Bitcoins ได้ ซึ่งเป็นการช่วยเหลือการติดตามการใช้งานของลูกค้า เนื่องจากระบบมีความโปร่งใส กระบวนการในการทำธุรกรรมนั้นได้เปิดให้ทุกคนสามารถดูได้

สิ่งนี้ทำให้ bitcoin ไม่ได้เป็นสกุลเงินในอุดมคติสำหรับอาชญากร ผู้ก่อการร้าย หรือผู้ที่ทำการฟอกเงิน

4. มีความแน่นอน

การทำธุรกรรมของ Bitcoin ไม่สามารถย้อนกลับได้เหมือนกับการทำธุรกรรมด้วยเงินตราแบบปกติ

นั่นเป็นเพราะไม่มี "ผู้กำกับดูแล" จากส่วนกลางที่สามารถบอกได้ว่า "ตกลง จะต้องมีการคืนเงิน" ถ้าหากการทำธุรกรรมได้ถูกลงทะเบียนในเครือข่าย และถ้าหากระยะเวลาได้ผ่านไปเกินกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำการแก้ไข

ประเด็นนี้อาจทำให้ใครหลายคนไม่สบายใจ นั่นหมายความว่าคุณจะไม่สามารถปรับการทำธุรกรรมในเครือข่าย Bitcoin ได้

5 ความหลากหลาย

หน่วยที่เล็กที่สุดของ Bitcoin เรียกว่า satoshi มันเท่ากับหนึ่งในหนึ่งร้อยล้านส่วนของ bitcoin (0.00000001) ที่ราคาปัจจุบัน มันเท่ากับหนึ่งในร้อยส่วนของหนึ่งเซ็นต์ สิ่งนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมขนาดเล็กที่เงินอิเล็กทรอนิกส์แบบปกติไม่สามารถทำได้

เราจะสามารถเฝ้าดูการทำธุรกรรมของ Bitcoin ได้อย่างไร?

Bitcoins ใช้บันทึกข้อมูลที่เรียบง่ายเรียกว่าบล็อคเชน บล็อคเชนแต่ละบล็อกจะไม่เหมือนกันสำหรับผู้ใช้งานแต่ละคนและ Bitcoin wallet ส่วนตัวของแต่ละคน การทำธุรกรรม Bitcoin ทั้งหมดจะถูกบันทึกและสามารถดูได้จากสมุดบัญชีสาธารณะ ซึ่งช่วยรับรองความถูกต้องและป้องกันการฉ้อโกง ขั้นตอนนี้จะป้องกันไม่ให้เกิดการทำธุรกรรมที่ซ้ำซ้อนกันและการคัดลอก bitcoin

หมายเหตุ: ถึงแม้ว่า bitcoin แต่ละตัวจะบันทึกที่อยู่ดิจิตอลของกระเป๋าเงินแต่ละใบที่มันได้ไปถึง แต่ระบบของ bitcoin เองไม่ได้บันทึกชื่อของผู้ที่เป็นเจ้าของกระเป๋าเงินนี้ ในทางปฏิบัติ นั่นหมายความว่าการทำธุรกรรมแต่ละครั้งจะได้รับการยืนยันทางดิจิตอล แต่ก็ไม่ได้มีการเปิดเผยชื่อใดๆ

ถึงแม้ว่าผู้ใช้งานจะไม่สามารถดูข้อมูลระบุตัวตนของตัวเองได้ง่ายนัก แต่พวกเขาสามารถดูประวัติย้อนหลังของ Bitcoin wallet ของตัวเองได้ สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องดีเนื่องจากประวัติย้อนหลังจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัย และยังป้องกันไม่ได้มีการใช้ Bitcoins เพื่อวัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมาย

Bitcoin มีการทำงานอย่างไร

เปรียบเทียบสิ่งนี้กับ Torrent ซึ่งเป็นเครือข่าย P2P ที่คุณอาจเคยใช้ในการดาวน์โหลดเพลงมากมายในช่วงต้นปี 2000s เว้นแต่ในเรื่องการเคลื่อนย้ายไฟล์จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เครือข่าย Bitcoin สร้างและตรวจสอบบล็อคของข้อมูลที่ถูกแสดงในรูปของเงินเสมือน

บิตคอยน์และอนุพันธ์อีกมากมายรู้จักกันในชื่อเงินดิจิทัล ระบบใช้การเข้ารหัส (การเข้ารหัสขั้นสูงที่เรียกว่าบล็อคเชน) ในการสร้างสกุลเงินตัวใหม่และตรวจสอบเงินที่ถูกถ่ายโอนจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ลำดับขั้นตอนการเข้ารหัสมีวัตถุประสงค์หลายอย่าง: เพื่อป้องกันการฉ้อโกงในการทำธุรกรรม เพื่อทำให้ธนาคารหรือกระเป๋าเงินสามารถถ่ายโอนได้ในรูปของข้อมูล และเพื่อตรวจสอบยืนยันการมูลค่าการโอน Bitcoin จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง

ก่อนที่จะสามารถใช้จ่าย Bitcoin ได้นั้น เหรียญ Bitcoin จะต้องถูกสร้างโดยระบบหรือถูกขุดจากเหมือง ในขณะที่สกุลเงินทั่วไปจะต้องถูกผลิตหรือพิมพ์โดยรัฐบาล การขุดเหมืองของ Bitcoin ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ระบบสามารถพึ่งพาตัวเองได้: ผู้คนขุด Bitcoins โดยการให้พลังประมวลผลจากคอมพิวเตอร์ของตนกับเครือข่ายแบบกระจาย ซึ่งสร้างบล็อกของข้อมูลใหม่ที่ประกอบไปด้วยบันทึกข้อมูลของการทำธุรกรรมทั้งหมด การเข้ารหัสและถอดรหัสบล็อคเหล่านี้ต้องการพลังในการประมวลผลมหาศาล และผู้ใช้งานที่สามารถสร้างบล็อคใหม่ได้สำเร็จ (ผู้ใช้ที่เป็นเจ้าของระบบที่สร้างตัวเลขแบบสุ่มที่ระบบยอมรับให้เป็นบล็อคใหม่) จะได้รับ Bitcoins หรือสัดส่วนในค่าธรรมเนียมของการทำธุรกรรมเป็นสิ่งตอบแทน

ด้วยวิธีการนี้ ขั้นตอนการเคลื่อนย้าย Bitcoins จากี่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้สร้างความต้องการพลังในการประมวลผลให้กับเครือข่าย ซึ่งสร้างเหรียญ Bitcoins ขึ้นมาใหม่ที่จะสามารถนำมาใช้จ่ายได้ นี่คือระบบของการทำซ้ำตัวเองที่สร้างความมั่งคั่ง ... หรืออย่างน้อยสร้างมูลค่าที่เกี่ยวข้องกับความมั่งคั่ง

การทำเหมือง Bitcoin คืออะไร?

การทำเหมืองเงินดิจิตอล

การทำเหมือง Bitcoin คือกระบวนการสร้างเหรียญ Bitcoins อันใหม่ขึ้นมาเนื่องจากคอมพิวเตอร์ได้ช่วยดูแลรักษาเครือข่าย เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการการขุดเหรียญ Bitcoin จะต้องทำคล้ายๆ กับการแข่งขันในการคำนวณเพื่อประมวลผลการทำธุรกรรมใหม่ที่เข้าสู่ระบบ ผู้ชนะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่คือผู้ที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่รวดเร็วที่สุดจะได้รับเหรียญ Bitcoins เหรียญใหม่ โดยปกติจะมีผู้ชนะในทุกๆ 10 นาที เราได้กล่าวไปแล้วว่าเหรียญ Bitcoins จะมีอยู่รวมกันทั้งสิ้น 21 ล้านเหรียญทั่วโลก หลังจากผ่านตัวเลขนี้ไปแล้วจะไม่มีเหรียญ Bitcoins ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เป็นที่คาดการณ์กันว่าขีดจำกัดนี้จะไปถึงในปี 2140 ในตอนนี้มีเหรียญ Bitcoin 16 ล้านเหรียญที่ถูกนำมาแจกจ่าย เหรียญ Bitcoin ที่มีอยู่ได้ถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีการนี้ และได้ถูกมอบให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถช่วยรักษาบันทึกเหล่านี้ไว้ได้ ใครๆ ก็สามารถใช้คอมพิวเตอร์เพื่อขุด Bitcoin ได้ แต่ในปัจจุบันผู้ที่มีฮาร์ดแวร์พิเศษจะสามารถชนะการแข่งขันนี้ได้

มันคุ้มค่าในการทำเหมือง Bitcoin หรือไม่?

อุตสาหกรรมการทำเหมือง Bitcoin ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว การขุดเหรียญซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำได้ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป ในตอนนี้สามารถทำได้อย่างได้กำไรในศูนย์ข้อมูลพิเศษเท่านั้น ศูนย์ข้อมูลเหล่านี้ประกอบไปด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า ASICs ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อขุดเหรียญ Bitcoin โดยเฉพาะ ในปัจจุบันต้องใช้เงินหลายล้านดอลลาร์ในการเริ่มต้นการขุดเหรียญที่สามารถสร้างผลกำไรได้

การขุดเหรียญ Bitcoin จึงไม่ใช่การลงทุนที่สร้างผลกำไรอีกต่อไปสำหรับผู้ใช้งานใหม่

ถ้าหากคุณต้องการร่วมทุนในกิจกกรรมนี้ คุณสามารถทำได้ แต่อย่าพยายามทำเหมืองที่บ้านเป็นการลงทุนหรือคาดหวังว่าจะได้รับกำไรจากการลงทุน

Bitcoin ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

เมื่อคุณมี Bitcoin มันเปรียบเสมือนเหรียญทองทางกายภาพ ซึ่งมีมูลค่าและสามารถซื้อขายได้เหมือนคุณมีทองอยู่ในกระเป๋า คุณสามารถใช้ Bitcoin เป็นการลงทุน ซื้อเงินดิจิตอลเพื่อทำกำไรจากความผันผวนของราคา นอกจากนี้คุณจะเห็นได้ว่ามันเป็นวิธีการจ่ายเงินรูปแบบใหม่ ปัจจุบันมีสถานที่ที่คุณสามารถใช้ Bitcoin เพิ่มขึ้นทุกวัน

การลงทุนใน Bitcoin ต้องทำอย่างไร?

ไม่น่าแปลกใจที่ Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ปลอดภัย ทั่วโลกให้การยอมรับ และได้รับความสนใจจากนักลงทุน Bitcoin สามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคน และมอบโอกาสในการเดิมพันประเภทสินทรัพย์ใหม่

คุณมีแผนที่จะลงทุนใน Bitcoin หรือไม่? ข้อมูลต่อไปนี้จะอธิบายถึงสิ่งที่คุณต้องรู้ก่อนทำการซื้อ

อะไรทำให้ Bitcoin มีค่า?

ขอยกตัวอย่างทองคำประกอบการทำความเข้าใจเรื่องเหรียญ บนโลกนี้มีทองคำในปริมาณที่จำกัด เมื่อมีการสกัดทองคำใหม่ ทองคำจะเหลือน้อยลงเสมอ การหาและการสกัดจะทำได้ยาก ราคาของทองคำจึงแพงขึ้น เช่นเดียวกับ Bitcoin ในตลาดมีจำนวน Bitcoin เพียง 21 ล้าน เมื่อเวลาผ่านไปการสกัด Bitcoin จะยิ่งทำได้ยากขึ้น

ราคา Bitcoin

Bitcoin ไม่มีราคาอย่างเป็นทางการ ราคาของ Bitcoin ขึ้นอยู่กับมูลค่าที่คนซื้อเต็มใจจะจ่าย

ราคาของ Bitcoin มักแสดงเป็นมูลค่าของทั้งหนึ่ง Bitcoin อย่างไรก็ตาม การแลกเปลี่ยนจะช่วยให้คุณซื้อ Bitcoin และคุณสามารถซื้อน้อยกว่าหนึ่ง Bitcoin ได้ ดัชนีราคาของ Libertex เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีในการดูราคาบิตคอยน์แบบเรียลไทม์

ช่วงเวลาไหนเหมาะสมที่จะซื้อ?

ไม่มีช่วงเวลาที่แน่นอน เช่นเดียวกับตลาดอื่นๆ ประวัติราคาของ Bitcoin ได้มีการเพิ่มมูลค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆ ช้าลง จากนั้นราคาได้ลดลงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมีความเสถียร ใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น ดัชนีราคาของ Libertex เพื่อวิเคราะห์กราฟ และทำความเข้าใจกับประวัติราคาของ Bitcoin

Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิตอลระดับโลก และไม่ได้รับผลกระทบจากความมั่นคงหรือสถานการณ์ทางการเงินของประเทศใดๆ ตัวอย่างเช่น การเก็งกำไรเกี่ยวกับการลดค่าเงินหยวนของจีน ทำให้เกิดความต้องการมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปสูงขึ้น ความวุ่นวายทั่วโลกถือเป็นผลดีต่อราคาของ Bitcoin เนื่องจาก Bitcoin ไม่มีความเกี่ยวข้องทางการเมือง และอยู่นอกเหนือการควบคุมหรืออิทธิพลของรัฐบาลใดๆ หากเศรษฐกิจและการเมืองจะส่งต่อราคาของ Bitcoin มันต้องเป็นเรื่องสำคัญระดับโลก และไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเพียงแค่ประเทศเดียว

ข้อดีและข้อเสียงของ Bitcoin

ข้อดีและข้อเสียของบิตคอยน์

จุดแข็งของ Bitcoin

นี่ไม่ได้หมายความว่า Bitcoin จะไม่สามารถใช้งานได้ในอนาคต เราจะมาพูดถึงข้อดีและข้อเสียของ Bitcoin เมื่อเทียบกับสกุลเงินแบบเดิม

  • การไม่ระบุตัวตนและความเป็นส่วนตัว

    การซื้อ Bitcoin ระหว่างผู้ใช้มีความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์ คุณสามารถแลกเปลี่ยน Bitcoin หรือเศษเหรียญระหว่างกระเป๋าได้โดยฟังก์ชันการแลกเปลี่ยน HASH โดยไม่ต้องระบุชื่อ ที่อยู่อีเมล หรือข้อมูลอื่นๆ และเนื่องจากเครือข่าย P2P ใช้ฟังก์ชัน HASH ใหม่สำหรับแต่ละธุรกรรม จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเชื่อมโยงการซื้อพร้อมกันไปยังผู้ใช้รายเดียว ลักษณะของเครือข่าย P2P ที่เข้ารหัสช่วยปกป้องจากความไม่ปลอดภัยจากภายนอก ไม่มีใครสามารถเห็นการซื้อหรือใบเสร็จส่วนตัวโดยไม่ต้องเข้าใช้กระเป๋าเงินก่อน

  • ไม่มีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม (สำหรับตอนนี้)

    การซื้อตามปกติที่ไม่ใช่เงินสดจะมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม เมื่อชำระด้วยบัตรเครดิตวีซ่า บัตรวีซ่าจะเรียกเก็บเงินจากร้านค้าเล็กน้อยเพื่อยืนยันการทำรายการ และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะถูกแปลงเป็นราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้น

    ปัจจุบันการทำธุรกรรมสำหรับ Bitcoin ไม่มีค่าธรรมเนียม ผู้ใช้ที่เป็นบุคคลและผู้ค้าสามารถส่งการซื้อไปยังเครือข่ายบนพื้นฐานที่มีความเท่าเทียมกัน และรอรับการยืนยันในบล็อกถัดไป อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้อาจใช้เวลา (และยิ่งใช้เวลานานเมื่อมีการใช้เครือข่ายมากขึ้น) เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม ผู้ค้าและผู้ใช้จำนวนมากได้เพิ่มค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเป็นการเพิ่มลำดับความสำคัญของการทำธุรกรรมในกลุ่มผู้ใช้งานในเครือข่าย P2P ส่งผลให้กระบวนการตรวจสอบเสร็จสิ้นเร็วขึ้น

    เนื่องจากปริมาณ Bitcoin ทั่วโลกมีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมจะกลายเป็นวิธีหลักสำหรับนักขุดเพื่อรับ Bitcoin ณ จุดนี้ การทำธุรกรรมส่วนใหญ่จะมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย ซึ่งทำให้การซื้อได้รับการประมวลผลอย่างรวดเร็ว

  • ไม่มีรัฐบาลกลางหรือภาษี

    เนื่องจาก Bitcoin ไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการของประเทศใดๆ การซื้อขาย Bitcoin และใช้เพื่อซื้อสินค้าและบริการจึงไม่อยู่ภายใต้การควบคุม ดังนั้นสิ่งที่คุณซื้อด้วย Bitcoin จะไม่เกี่ยวข้องกับภาษีขายมาตรฐานหรือภาษีใดๆ ที่ใช้กับสินค้าหรือบริการนั้นๆ นี่เป็นข้อดีที่สำคัญถ้าคุณรวยมากพอที่จะทำธุรกิจใน Bitcoin

    Bitcoin เป็นระบบแลกเปลี่ยนที่มีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายสกุลเงินส่วนใหญ่ สมมติว่าคุณมีปริมาณ Bitcoin เท่ากองมันฝรั่งขนาดมหึมา แล้วคุณแลกมันฝรั่งจำนวนหนึ่งหมื่นกับโทรทัศน์ใหม่ รัฐบาลจะไม่เรียกเก็บภาษีขายในรูปของมันฝรั่งจำนวนแปดร้อย มันไม่มีความพร้อมในการรับมือกับธุรกรรมที่ไม่ได้เกิดจากสกุลเงินของมันเอง

    อย่างไรก็ตาม คุณควรจำไว้ว่ารายได้ทั่วไปที่คุณได้จากการทำธุรกรรม Bitcoin จะได้รับการปฏิบัติตามปกติ ดังนั้นหากคุณโอน Bitcoin มูลค่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ไปยังบัญชีธนาคารของคุณผ่านตลาด Bitcoin คุณจะต้องแจ้งเป็นรายได้ในแบบฟอร์มภาษีของคุณ การเทรด Bitcoin ไม่สามารถหลีกเลี่ยงข้อกำหนดมาตรฐานอื่นๆ สำหรับการเก็บภาษี แม้ว่าคุณจะซื้อรถใหม่ผ่าน Bitcoin จากผู้ขายส่วนตัว แต่คุณยังคงต้องลงทะเบียนรถคันนั้นกับรัฐบาลและจ่ายภาษีตามราคาตลาด

จุดอ่อนของ Bitcoin

ดังนั้นถ้า Bitcoin ดีมากแล้วทำไมทุกคนถึงไม่ใช้? เห็นได้ชัดว่ามันมีข้อบกพร่องบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาปัจจุบัน

  • การแทรกแซงของรัฐบาลที่อาจเป็นไปได้

    ทุกครั้งที่มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นและท้าทายสถานภาพปัจจุบัน รัฐบาลจะมีส่วนร่วมเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งต่างๆ จะยังคงอยู่ตามที่ควรจะเป็น

  • ไม่มีอำนาจอธิปไตยทางการเงิน

    บางทีข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของ Bitcoin คือไม่ใช่สกุลเงินอธิปไตยที่เป็นที่ "รู้จัก" ซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนจากความเชื่อมั่นอย่างเต็มรูปแบบของผู้มีอำนาจควบคุม แม้ว่าจะมีจุดแข็ง จริงๆ แล้วการใช้ Bitcoin เป็นสกุลเงินได้รับการสนับสนุนโดยการรับรู้ค่าของผู้ใช้ Bitcoin รายอื่นเท่านั้น ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความไม่เสถียร ในระยะสั้นหากวันหนึ่งมีพ่อค้าจำนวนมากที่รับ Bitcoin เป็นรูปแบบการชำระเงินหยุดทำเช่นนั้น มูลค่าของ Bitcoin ก็จะลดลงอย่างมาก

    มูลค่าปัจจุบันที่สูงของ Bitcoin เกี่ยวข้องกับความขาดแคลนของ Bitcoin และความนิยมในฐานะรูปแบบการลงทุนและการสร้างความมั่งคั่ง หากความเชื่อมั่นในตลาด Bitcoin ลดลงมากอย่างรวดเร็ว เช่น รัฐบาลส่วนใหญ่ประกาศว่าการใช้ Bitcoin ไม่ถูกต้องหรือหากแพลตฟอร์มการเทรดหลักของ Bitcoin ถูกโจมตีและสูญเสียมูลค่าที่เก็บไว้ทั้งหมด มูลค่าสกุลเงินจะลดลง และนักลงทุนจะสูญเสียเงินจำนวนมาก

  • ไม่มีการรับประกัน

    เครือข่าย Bitcoin ไม่ได้มีกลไกป้องกันสำหรับการสูญหายหรือถูกโจรกรรม เช่น หากฮาร์ดไดรฟ์ที่มีไฟล์กระเป๋าเงิน Bitcoin ของคุณหาย (ถูก “แฮก” หรือมีข้อผิดพลาดโดยไม่ได้สำรองข้อมูล) Bitcoin ที่อยู่ในกระเป๋าเงินก็จะสูญหายไปตลอดกาล สิ่งนี้จะยิ่งส่งผลต่อปริมาณอุปทานที่มีจำกัดของ Bitcoin

    นอกจากนี้ หากไฟล์ในกระเป๋าเงินของคุณถูกโจรกรรมหรือถูกบุกรุก และ Bitcoin ที่อยู่ข้างถูกใช้จ่ายโดยขโมยก่อนเจ้าของที่ชอบธรรม กลไกป้องกันการใช้จ่าย 2 ครั้ง ที่มาพร้อมกับเครือข่ายจะทำให้เจ้าของโดยชอบธรรมไม่มีทางเลือกอื่น เพราะไม่สามารถทำอะไรได้ เช่น หากบัตรเครดิตของคุณถูกขโมย คุณสามารถโทรหาธนาคาร และยกเลิกบัตรได้ แต่ Bitcoin ไม่มีความสามารถแบบนี้ เครือข่าย Bitcoin รู้เพียงว่า Bitcoin ในไฟล์กระเป๋าเงินสามารถใช้ได้ และจะประมวลผลตามนั้น

  • จำกัดการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นพร้อมกัน

    ระบบบล็อก Bitcoin ต้องมีการเชื่อมต่อและการยืนยันของเครือข่าย P2P เพื่อทำการยืนยัน เนื่องจากแต่ละบล็อกประกอบด้วยบันทึกธุรกรรมที่จำกัด และจำนวนสูงสุดของธุรกรรมใหม่ที่สามารถเขียนได้ ซึ่งมีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนคนที่สามารถซื้อและขายด้วยระบบในช่วงเวลาใดก็ตาม เมื่อจำนวนของผู้ขายและตัวบุคคลที่ใช้ Bitcoin ทำธุรกิจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำนวนของธุรกรรมต่อวินาทีจึงเพิ่มขึ้น เครือข่าย P2P เริ่มหนาแน่น และการดำเนินการบางอย่างที่ไม่มีค่าธรรมเนียมธุรกรรมจึงใช้เวลานานเป็นชั่วโมงกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ขณะที่ระบบการชำระเงินแบบเดิม เช่น บัตรเครดิตสามารถขยายการเชื่อมต่อและการประมวลผลได้อย่างง่ายดายเพื่อเพิ่มความเร็วของการประมวลผล ลักษณะ P2P ของ Bitcoin ไม่สามารถเทียบได้กับระบบการเงินระดับโลก

อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนก่อนหน้านี้ทั้งหมดไม่ได้มีความสำคัญหากคุณไม่ได้คิดจะซื้อ ซึ่ง Bitcoin ยังคงมีการแลกเปลี่ยนจากผู้ที่สนใจ ในฐานะพ่อค้า คุณไม่ได้เป็นเจ้าของ Bitcoin คุณไม่ได้ทำการชำระเงินด้วย Bitcoin แต่คุณได้รับผลตอบแทนสำหรับการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น อะไรคือความแตกต่างระหว่างการซื้อและการขาย Bitcoin?

การซื้อ Bitcoin คืออะไร?

การเทรดสกุลเงินดิจิตอล

เมื่อคุณซื้อหรือขายเงินดิจิตอล แปลว่าคุณซื้อสินทรัพย์นั้นๆ หากต้องการซื้อ Bitcoin คุณจำเป็นต้องดาวน์โหลดกระเป๋าเงิน กระเป๋าเงิน Bitcoin คล้ายกับซอฟต์แวร์ธนาคารออนไลน์ที่ธนาคารพาณิชย์ส่วนมากใช้สำหรับลูกค้า

เมื่อคุณมีกระเป๋าเงิน Bitcoin ให้ใช้วิธีการชำระเงินแบบเดิม เช่น บัตรเครดิต การโอนเงินผ่านธนาคารหรือบัตรเดบิต เพื่อซื้อ Bitcoin บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน Bitcoin หลังจากนั้นระบบจะโอน Bitcoin ไปที่กระเป๋าเงินของคุณ สิ่งสำคัญที่สุดของกระเป๋าเงินคือการเก็บรหัสผ่าน (สตริงอักขระ) และ/หรือรหัสผ่านความปลอดภัย หากคุณทำรหัสผ่านหาย คุณจะไม่สามารถเข้าถึง Bitcoin ได้ เมื่อคุณมี Bitcoin อยู่ในกระเป๋าเงิน คุณก็จะสามารถชำระเงินหรือทำการแลกเปลี่ยน

ข้อดี

  • คุณเป็นเจ้าของ Bitcoin
  • คุณสามารถใช้ Bitcoin เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ

ข้อเสีย

  • คุณต้องใส่มูลค่าทั้งหมดของการซื้อ
  • คุณมีข้อจำกัดสำหรับการฝากเงินสูงสุด
  • คุณต้องชำระเงินฝาก และ/หรือค่าธรรมเนียมการถอนเงิน
  • รหัสผ่านกระเป๋าเงินของคุณเสี่ยงต่อการโจมตีของแฮ็กเกอร์ และคุณอาจสูญเสียการลงทุนทั้งหมด

การเทรด Bitcoin คืออะไร?

คุณสามารถขายและซื้อ Bitcoin ด้วยสกุลเงิน USD หรือ Euro รวมถึงการแลกเปลี่ยน Bitcoin เป็นเงินดิจิตอลอื่นๆ ซึ่งจะทำให้คุณจะได้รับกำไรจากส่วนต่างของมูลค่า นี่เป็นวิธีมีส่วนร่วมในโลกของดิจิตอลโดยไม่ทำให้เกิดความเสียหาย

มาร์จิ้นและเลเวอเรจในเงินดิจิตอล

ในการเทรดมาร์จิ้น หมายถึงคุณขอยืมกำลังซื้อและขาย เพื่อแลกกับเงินส่วนหนึ่งที่คุณจะได้รับ (ส่วนต่าง) ซึ่งคุณจะสามารถใช้มาร์จิ้นได้อีกครั้งหลังจากที่คุณคืนเงินที่ยืมเรียบร้อยแล้ว

ข้อดี

  • คุณสามารถใช้เลเวอเรจ* ดังนั้นคุณเพียงแค่ต้องวางส่วนหนึ่งของขนาดทั้งหมดของตำแหน่งไว้ล่วงหน้า
  • คุณจะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้
  • คุณสามารถเริ่มต้นใช้งานได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีในแพลตฟอร์มเงินดิจิตอลสำหรับการซื้อและขาย
  • คุณไม่ต้องชำระเงินฝาก หรือค่าธรรมเนียมการถอนเงิน
  • คุณสามารถเริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง และไม่ต้องเปิดบัญชีจริง

ข้อเสีย

  • คุณไม่ได้เป็นเจ้าของ Bitcoin
  • คุณไม่สามารถใช้ Bitcoin เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ
  • เลเวอเรจ*จะทำให้คุณลงทุนมากเกินไปและเร็วเกินไป

การต่อรองเลเวอเรจ* ช่วยให้คุณสามารถต่อรองจำนวนที่คุณไม่มี บริการการเทรดเงินดิจิตอลมักนำเสนอเลเวอเรจ ซึ่งหมายความว่าทุกหนึ่งดอลลาร์ของคุณจะทำให้คุณมีกำลังซื้อได้ถึง 10 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นการเสี่ยงเพิ่มและรับผลตอบแทนที่ดีขึ้น

CFD (Contracts for Difference) ในเงินดิจิตอล

Libertex นำเสนอการเทรด CFD ในบิตคอยน์ ซึ่งทำให้คุณสามารถเทรดเงินดิจิตอลได้โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของ CFD ในเงินดิจิตอลเป็นสัญญาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งผู้ขายจะจ่ายเงินให้แก่ผู้ซื้อสำหรับส่วนต่างระหว่างมูลค่าปัจจุบันของสินทรัพย์ดิจิตอลและมูลค่าของมันเมื่อหมดอายุสัญญา

Bitcoin Cash คืออะไร?

เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2017 หลายๆ ส่วนในชุมชน Bitcoin ไม่เห็นด้วยกับกฏควบคุมกระบวนการขุด โดยเฉพาะเรื่องขนาดที่เหมาะสม (ในหน่วยเมกะไบต์) ของบล็อก หลังจากที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงจึงได้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายแรกคือนักขุด Bitcoin ดั้งเดิม และอีกฝ่ายคือกลุ่มที่สนับสนุนบล็อกที่ใหญ่ขึ้น ผลสุดท้าย สมาชิกของทั้ง 2 ฝ่าย ได้แยกตัวจากกันเพื่อสร้าง Bitcoin Cash

แม้ว่า Bitcoin Cash จะถือกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกัน แต่ Bitcoin Cash แต่ละอันจะมีบล็อกเชนเป็นของตัวเองพร้อมด้วยโปรโตคอลที่แตกต่างกันเล็กน้อย (นักขุด Bitcoin ใช้บล็อก 1 MB ส่วน Bitcoin Cash ใช้บล็อก 8 MB) ในอนาคตคาดว่าจะมีการแยกตัวอีกครั้ง

มีเงินดิจิตอลอื่นอีกหรือไม่?

ใช่ ทุกๆ วันมีเงินดิจิตอลเกิดขึ้นมากกว่า 1,000 นอกเหนือจากบิตคอยน์ที่เป็นต้นกำเนิดของเงินดิจิตอลแล้ว ยังมีสกุลเงินทางเลือกอื่นๆ อีก เช่น Ethereum Ripple และ Litecoin

สรุป

เราสามารถกล่าวได้ว่า Bitcoin และเงินดิจิตอลเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่น่าสนใจมากที่สุดสำหรับการลงทุน ในอีกแง่หนึ่ง การลงทุน Bitcoin โดยตรงมีความเสี่ยงรอบด้าน ตั้งแต่ปัญหาการเปลี่ยนแปลงไปจนถึงความเป็นไปได้ที่จะถูกสแกม

แต่การลงทุนเงินของคุณกับ Libertex จะปลอดภัย เพราะแพลตฟอร์มของเราน่าเชื่อถือ คุณเพียงแค่เดิมพันว่าราคาเงินดิจิตอลจะขึ้นหรือลง โดยไม่ต้องซื้อ Bitcoin โดยตรงหรือทำธุรกรรมกับคนกลาง

ลงทุนกับ Libertex ตอนนี้!

ทำไมถึงต้องเทรดกับ Libertex?

  • เข้าใช้งานบัญชีเดโมแบบไม่มีค่าใช่จ่าย
  • การช่วยเหลือทางเทคนิค 5 วันต่อสัปดาห์, 24 ชั่วโมงต่อวัน
  • เลเวอเรจสูงสุด 1:500
  • ทำงานบนแพลตฟอร์มได้บนทุกอุปกรณ์: Libertex และ Metatrader 4 และ 5
  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่นสำหรับพื้นที่ละตินอเมริกา
ย้อนกลับ

สัมผัสกับความน่าตื่นเต้นของการเทรด!

ลงทะเบียนเปิดบัญชีเดโมกับ Libertex และมาเรียนรู้วิธีการเทรด