Skip to main content
What is Ethereum and how does it work? A beginners guide
What is Ethereum and how does it work? A beginners guide

Ethereum คืออะไรและทำงานอย่างไร? คู่มือเริ่มต้น

ในฐานะที่ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับสองของเงินดิจิตอลทั้งหมด Ethereum ได้ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก

เงินดิจิตอลนี้ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเปลี่ยนสถานะของเงิน แต่ยังทำให้เกิดการพัฒนาและการเปิดตัวของแอปใหม่อย่างรวดเร็วอีกด้วย ซึ่ง Ethereum ทำให้เกิดการสร้างเงินดิจิตอลใหม่หลายสกุล

เรียกได้ว่า Ethereum เป็นประโยชน์สำหรับนักพัฒนาและโลกเทคโนโลยี ส่วนหลายคนที่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยีน้อยจะประสบปัญหากับการทำความเข้าใจ เราออกแบบคู่มือนี้มาสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้พื้นฐานของเหรียญดิจิตอลเปลี่ยนโลกนี้

Ethereum คืออะไร?

เพื่อทำความเข้าใจว่า Ethereum คืออะไร ใช้ทำอะไรและมีผลต่อสังคมอย่างไร คุณต้องเรียนรู้คุณสมบัติที่สำคัญ และลักษณะที่ทำให้มันแตกต่างจากวิธีเดิม

สำหรับผู้เริ่มต้น Ethereum คือระบบที่ไม่มีศูนย์กลาง หมายความว่าไม่ได้รับการควบคุมโดยหน่วยงานรัฐบาล วิธีนี้ได้ใช้งานมานานนับศตวรรษ แม้ว่าจากประวัติศาสตร์จะแสดงให้เห็นข้อเสียอยู่บ้าง แต่ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกัน วิธีนี้ได้ใช้งานมานานนับศตวรรษ แม้ว่าจากประวัติศาสตร์จะแสดงให้เห็นข้อเสียอยู่บ้าง แต่ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกัน

ระบบแบบมีศูนย์กลางหมายถึงการเข้าควบคุมโดยผู้เดียว ซึ่งอาจทำให้เกิดความล้มเหลว นั่นคือเหตุผลที่แอปและเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่บนพื้นฐานของระบบนี้เปราะบางมากต่อแฮกเกอร์และแม้แต่ไฟฟ้าดับ นอกจากนี้ เครือข่ายโซเชียลส่วนมากและบริการออนไลน์อื่นๆ ต้องใช้ข้อมูลส่วนตัว ซึ่งจะทำการเก็บข้อมูลเอาไว้ในเซิร์ฟเวอร์ ข้อมูลส่วนตัวดังกล่าวอาจถูกขโมยได้อย่างง่ายดายจากบริษัทเดียวกัน

ส่วนระบบแบบไม่มีศูนย์กลางของ Ethereum จะไม่เปิดเผยตัวตน และไม่ได้รับการควบคุมโดยใคร ทำให้ไม่มีศูนย์กลางที่จะเกิดความล้มเหลว ซึ่งแพลตฟอร์มจะใช้งานโดยเจ้าของคอมพิวเตอร์นับล้านทั่วโลก ดังนั้นจึงไม่มีทางขาดการเชื่อมต่อ นอกจากนี้ ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้จะเก็บไว้บนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้เอง ส่วนเนื้อหา เช่น แอป วิดีโอ เป็นต้น ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้สร้างโดยไม่จำเป็นต้องทำตามกฏของผู้ให้บริการโฮสติ้ง เช่น App Store หรือ YouTube

ประการที่สอง สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า Bitcoin และ Ethereum มักได้รับการเปรียบเทียบกันอยู่เสมอ รวมถึงเป้าหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Ethereum กับ บิตคอยน์

บิตคอยน์ (Bitcoin) เปิดตัวในปี 2009 ในฐานะเงินดิจิตอลสกุลแรกของโลก โดยมีเป้าหมายในการสร้างสกุลเงินแบบไม่มีศูนย์กลาง (Decentralized) สกุลเงินนี้ไม่จำเป็นต้องมีสถาบันการเงินตัวกลาง แต่ยังคงรับประกันการทำธุรกรรมที่ปลอดภัยและถูกต้อง สิ่งนี้เป็นเพราะการพัฒนาเทคโนโลยีที่เรียกว่าบล็อกเชน

บล็อกเชน (Blockchain) คือบัญชีแยกประเภทดิจิตอลที่ลงทะเบียนและตรวจสอบการบันทึกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งใช้ในการติดตามและตรวจสอบธุรกรรม Bitcoin เนื่องจากเครือข่ายโหนดการติดต่อสื่อสารทั่วโลกยังคงไว้ซึ่งห่วงโซ่ของบล็อก จึงไม่มีทางที่มันจะล่มสลาย เมื่อมีการเพิ่มบล็อกใหม่ลงในเครือข่าย ระบบจะตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง

Ethereum คล้ายกับ Bitcoin ซึ่งเป็นเครือข่ายบล็อกเชนแบบไม่มีศูนย์กลาง แม้ว่า Ethereum และ Bitcoin เป็นเงินดิจิตอลที่สามารถขุดหรือแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ใช้ แต่เงินดิจิตอลทั้งสองอย่างนี้มีความแตกต่างกันมาก

เช่น Bitcoin จะใช้บล็อกเชนเพื่อติดตามความเป็นเจ้าของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งทำให้ระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์แบบ point-to-point มีประสิทธิภาพมาก ในขณะที่ Ethereum จะมุ่งเน้นการรันโค้ดโปรแกรมของแอปพลิเคชัน Bitcoin จำกัดจำนวนสูงสุดที่ 21 ล้าน ในขณะที่อุปทานของ "Ether" สามารถมีได้ไม่สิ้นสุด นอกจากนี้เวลาในการขุด Bitcoin โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 10 นาที ในขณะที่เป้าหมายของ Ethereum จะไม่เกิน 12 วินาที ซึ่งหมายถึงการยืนยันที่เร็วขึ้น

Ethereum นำเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง Bitcoin มาใช้และขยายความสามารถให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นเครือข่ายที่สมบูรณ์พร้อมด้วยอินเทอร์เน็ตเบราว์เซอร์ ภาษาโค้ด และระบบการชำระเงิน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างแอปพลิเคชันแบบไม่มีศูนย์กลางในบล็อกเชนของ Ethereum

แอพพลิเคชันเหล่านี้อาจเป็นแนวคิดใหม่ๆ หรือการปรับเปลี่ยนแนวคิดที่มีอยู่ของเวอร์ชันแบบไม่มีศูนย์กลาง นี่คือหลักกำจัดตัวกลางและค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของบุคคลที่สาม เช่น กำไรที่เกิดจากการ "กดไลค์" ของผู้ใช้และการ "แชร์" ข้อความของนักร้องที่คุณชื่นชอบใน Facebook จะถูกสร้างขึ้นจากโฆษณาที่อยู่บนหน้าของคุณและส่งไปที่ Facebook โดยตรง ซึ่ง Ethereum ในเวอร์ชันเครือข่ายสังคม ทั้งศิลปินและสาธารณะชนจะได้รับรางวัลสำหรับการสื่อสารในเชิงบวกและการสนับสนุน ในทำนองเดียวกับ Kickstarter แบบไม่มีศูนย์กลาง คุณจะไม่ได้รับเพียงแค่อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งจากบริษัท แต่คุณจะได้รับผลตอบแทนในอนาคตของบริษัทด้วย สุดท้ายแล้วแอปพลิเคชันบนพื้นฐานของ Ethereum จะกำจัดการชำระเงินทุกประเภทของบุคคลที่สามเพื่อให้บริการทุกชนิด

สรุปว่า Ethereum คือแพลตฟอร์มที่ไม่มีศูนย์กลาง เป็นสาธารณะ โอเพนซอร์ซ อ้างอิงตามบล็อกเชนที่ยินยอมให้นักพัฒนาสามารถสร้างและนำแอปพลิเคชันแบบไม่มีศูนย์กลางไปใช้

จากที่กล่าวข้างต้น Ethereum คือระบบแบบไม่มีศูนย์กลาง ซึ่งเป็นการใช้วิธีเพียร์ทูเพียร์ (Peer-to-Peer การโต้ตอบของแต่ละคนเกิดขึ้นและยอมรับโดยผู้ใช้ที่เข้าร่วมเท่านั้น โดยไม่มีการแทรกแซงของหน่วยงานใดๆ

เครือข่าย Peer

ระบบ Ethereum ทั้งหมดได้รับการสนับสนุนโดยโนดของระบบระดับโลก โนดจะรับการดาวน์โหลด Ethereum บล็อกเชนไปที่คอมพิวเตอร์ และใช้หลักการฉันทามติ (Consensus) ทั้งหมดของระบบ ทำให้เครือข่ายรักษาความเป็นธรรมและได้รับผลตอบแทน

Smart Contract คืออะไร?

หลักการฉันทามติ (Consensus) เหล่านี้ ตลอดจนมุมมองอื่นๆ ของเครือข่ายจะควบคุมโดย Smart Contract Smart Contract คือคำที่ใช้อธิบายรหัสคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำธุรกรรมโดยอัตโนมัติและการดำเนินการอื่นๆ ภายในเครือข่ายกับส่วนที่ไม่ได้รับความไว้ใจ เงื่อนไขที่ทั้งสองฝ่ายต้องทำตามจะมีการระบุไว้ล่วงหน้าในสัญญา การบรรลุเงื่อนไขนี้จะทำให้เกิดธุรกรรมหรือการดำเนินการอื่นๆ ที่กำหนด เนื่องจาก Smart Contract ได้รับการสั่งการในบล็อกเชน มันจะถูกดำเนินการตามที่สั่งโดยไม่มีความเป็นไปได้ของการเซนเซอร์ ดาวน์ไทม์ การโกง หรือการแทรกแซงจากบุคคลที่สาม คนจำนวนมากเชื่อว่า Smart Contract คืออนาคตและสุดท้ายจะแทนที่ข้อตกลงสัญญาแบบอื่นทั้งหมด เพราะการนำ Smart Contract ไปใช้งานช่วยมอบความปลอดภัยที่เหนือกว่าสัญญาแบบเดิม ลดต้นทุนธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญา และสร้างความไว้ใจระหว่างทั้งสองฝ่าย

Ethereum Virtual Machine (EVM)

นวัตกรรมหลักของ Ethereum Ethereum Virtual Machine (EVM) คือซอฟต์แวร์ทัวริงที่ทำงานบนเครือข่าย Ethereum Ethereum Virtual Machine ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานเป็นสภาพแวดล้อมรันไทม์สำหรับ Smart Contract บนพื้นฐานของ Ethereum ทำให้ขั้นตอนการสร้างแอปพลิเคชันบล็อกเชนง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย แทนที่จะต้องสร้างบล็อกเชนตั้งต้นสำหรับแอปพลิเคชันใหม่แต่ละอัน Ethereum ทำให้มีโอกาสพัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ นับพันได้บนแพลตฟอร์มเดียว

เนื่องจาก Ethereum Virtual Machine จะถูกแยกออกจากส่วนที่เหลือของเครือข่ายหลักโดยสิ้นเชิง ทำให้มันเป็นสภาพแวดล้อมทดสอบที่เหมาะสม บริษัทที่กำลังต้องการสร้าง Smart Contract สามารถทำได้โดยการใช้ EVM โดยไม่ส่งผลกับการดำเนินการหลักของบล็อกเชน นอกจากนี้ อาจมอง EVM เป็น “สภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้” สำหรับการสร้าง Smart Contract ที่ใหญ่กว่า ฉลาดกว่า และทนทานมากกว่า

Ethereum คือสกุลเงินดิจิตอลหรือไม่?

เหรียญ Ether

ตามคำนิยาม Ethereum คือแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่มีเป้าหมายเพื่อทำหน้าที่เหมือนอินเทอร์เน็ตและเป็นร้านค้าแอปพลิเคชันแบบไม่มีศูนย์กลาง ระบบนี้ต้องการสกุลเงินในการชำระเงินสำหรับทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อใช้งานแอปพลิเคชันหรือโปรแกรม นี่เป็นจุดที่ Ether เข้ามามีบทบาท

Ether (ETH) คือเงินดิจิตอล ซึ่งไม่ต้องการบุคคลที่สามมาดำเนินการชำระเงิน แต่ Ether ไม่ได้เป็นแค่สกุลเงินดิจิตอลเท่านั้น มันยังทำหน้าที่เหมือนเชื้อเพลิงชนิดหนึ่งสำหรับแอปพลิเคชันแบบไม่มีศูนย์กลางภายในเครือข่าย หากผู้ใช้ต้องการเปลี่ยนอะไรบางอย่างบนแอปพลิเคชันภายใน Ethereum ผู้ใช้ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมธุรกรรม ดังนั้นเครือข่ายจะสามารถดำเนินการเปลี่ยนแปลงได้

ค่าธรรมเนียมธุรกรรมจะได้รับการคำนวณโดยอัตโนมัติบนพื้นฐานของ “เชื้อเพลิง” ที่ต้องใช้สำหรับการประมวลผล จำนวนของเชื้อเพลิงที่ต้องการขึ้นอยู่กับพลังงานที่จำเป็นและเวลาที่ต้องใช้เพื่อดำเนินการ

ใครสร้าง Ethereum?

เมื่อปลายปี 2013 Vitalik Buterin อธิบายแนวคิดของเขาในไวท์เปเปอร์ที่ส่งให้เพื่อนจำนวนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนของเขาได้ส่งต่อไปให้คนอื่นๆ ส่งผลให้มีคนประมาณ 30 คน เข้ามาพบ Vitalik เพื่อพูดคุยเรื่องแนวคิด เขานึกว่าจะโดนวิจารณ์อย่างหนักและตำหนิว่าแนวคิดของเขามีข้อผิดพลาดร้ายแรง แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น

โปรเจคนี้ได้ทำการประกาศในเดือนมกราคม 2014 ด้วยทีมหลักที่ประกอบด้วย Vitalik Buterin, Mihai Alisie, Anthony Di Iorio, Charles Hoskinson, Joe Lubin และ Gavin Wood Buterin ยังได้นำเสนอ Ethereum ที่การประชุม Bitcoin ในไมอามี และเพียงไม่กี่เดือนจากนั้นทีมได้ตัดสินใจจัดตั้ง "การระดมทุน" เพื่อหาเงินมาพัฒนา Ether (ETH) ซึ่งเป็นรูปแบบดั้งเดิมของเตรือข่าย

Ethereum ทำงานอย่างไร?

ดังที่กล่าวข้างต้น Ethereum มาจากพื้นฐานของโปรโตคอล Bitcoin และบล็อกเชนของมัน แต่ Ethereum ได้รับการปรับปรุงทำให้แอปพลิเคชันที่ไม่ใช่ระบบเงินสามารถเข้ามาใช้งานได้ ความคล้ายคลึงเพียงอย่างเดียวของทั้ง 2 บล็อกเชน คือการจัดเก็บประวัติธุรกรรมทั้งหมดของเครือข่าย แต่บล็อกเชน Ethereum ทำมากกว่านั้น นอกจากประวัติธุรกรรมแล้ว แต่ละโนดในเครือข่าย Ethereum ยังจำเป็นต้องดาวน์โหลดสถานะล่าสุดหรือข้อมูลปัจจุบันของสัญญาอัจฉริยะแต่ละอันภายในเครือข่าย ยอดคงเหลือของผู้ใช้แต่ละคน รวมทั้งโค้ด Smart Contract ทั้งหมด และสถานที่จัดเก็บ

แต่ละสถานะของ Ethereum ประกอบด้วยธุรกรรมนับล้าน ธุรกรรมเหล่านี้จะได้รับการจัดกลุ่มเป็น “บล็อก” ซึ่งแต่ละบล็อกจะเชื่อมโยงกับบล็อกก่อนหน้านี้ แต่ก่อนที่จะเพิ่มธุรกรรมไปยังบัญชี ต้องผ่านการตรวจสอบโดยการเข้าสู่กระบวนการที่เรียกว่าการขุด (Mining)

Mining คือกระบวนการในกลุ่มของโนดที่ใช้พลังงานในการคำนวณเพื่อสร้าง “หลักฐานการทำงาน” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปริศนาทางคณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ของคุณยิ่งแรง คุณก็จะยิ่งแก้ปริศนาได้เร็วขึ้น คำตอบของปริศนาคือหลักฐานของการทำงาน และเป็นการรับรองความถูกต้องของการบล็อก

นักขุดจำนวนมากจากทั่วโลกแข่งขันกันเพื่อสร้างและยืนยันบล็อก เพราะแต่ละครั้งที่นักขุดพยายามทดลองบล็อก โทเคนใหม่จาก Ether (ETH) จะถูกสร้างขึ้นและมอบให้กับนักขุด นักขุดคือแกนหลักของเครือข่าย Ethereum เพราะพวกเขาไม่เพียงแต่ยืนยันและตรวจสอบธุรกรรมและการดำเนินการอื่นๆ ภายในเครือข่าย แต่ยังสร้างโทเคนใหม่สำหรับสกุลเงินของเครือข่ายอีกด้วย

Ethereum ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

อย่างแรกคือ Ethereum ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างและใช้แอปพลิเคชันแบบไม่มีศูนย์กลางได้ นอกจากนี้ บริการแบบมีศูนย์กลางใดก็ตามสามารถทำเป็นแบบไม่มีศูนย์กลางได้โดยการใช้แพลตฟอร์ม Ethereum ความสามารถของแพลตฟอร์ม Ethereum ในการสร้างแอปพลิเคชันไม่ได้ถูกจำกัดโดยสิ่งใดนอกเหนือจากความสร้างสรรค์ของผู้สร้าง

แอปพลิเคชันแบบไม่มีศูนย์กลางสามารถเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและลูกค้าได้อย่างสิ้นเชิง ปัจจุบันมีบริการมากมายที่เรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นสำหรับการดูแลและการใช้แพลตฟอร์มเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ หรือกล่าวได้ว่าบล็อกเชน Ethereum สามารถทำให้ลูกค้าติดตามที่มาของผลิตภัณฑ์ที่ซื้อ พร้อมนำสัญญาอัจฉริยะมาใช้รับประกันความปลอดภัยและการแลกเปลี่ยนที่รวดเร็วสำหรับทั้งสองฝ่ายโดยไม่ต้องมีคนกลาง

โดยทั่วไป บล็อกเชนของ Ethereum สามารถนำหลักการพื้นฐาน (ความน่าเชื่อถือ ความโปร่งใส ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ) มาใช้กับบริการ ธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมใดๆ ก็ได้

Ethereum ยังสามารถใช้สร้าง Decentralized Autonomous Organizations (DAO’s) ได้ด้วย ซึ่งดำเนินการด้วยความโปร่งใสและเป็นอิสระจากการแทรกแซงโดยไม่มีผู้นำ DAO’s ถูกสั่งการโดยโค้ดโปรแกรม และชุดของสัญญาอัจฉริยะที่เขียนในบล็อกเชน ออกแบบมาเพื่อขจัดความต้องการของบุคคลหรือกลุ่มคนที่จะควบคุมองค์กรทั้งหมดและทำให้เป็นศูนย์กลาง

DAO’s เป็นเจ้าของโดยผู้ที่ซื้อโทเคน แต่ปริมาณโทเคนที่ซื้อไม่เท่ากับจำนวนหุ้นและความเป็นเจ้าของ หรือกล่าวได้ว่าโทเคนคือการแจกจ่ายที่ทำให้คนมีสิทธิ์โหวต

ข้อดีของ Ethereum

ข้อดีและข้อด้อย

แพลตฟอร์ม Ethereum ได้รับประโยชน์จากคุณสมบัติทั้งหมดของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ทำงานอยู่ โดยปราศจากการแทรกแซงจากบุคคลภายนอก หมายความว่าแอปพลิเคชันจะเป็นแบบไม่มีศูนย์กลางและ DAOs ที่ใช้งานในเครือข่ายไม่สามารถถูกควบคุมโดยผู้ใด

เครือข่ายบล็อกเชนใดๆ ที่เกิดจากหลักการฉันทามติ แปลว่าโนดทั้งหมดภายในระบบต้องยอมรับทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น สิ่งนี้จะกำจัดความเป็นไปได้ของการฉ้อโกง คอรัปชั่น และทำให้เครือข่ายไม่ถูกล่วงล้ำ

แพลตฟอร์มทั้งหมดไม่มีศูนย์กลาง จึงไม่มีทางที่จะเกิดความล้มเหลว ดังนั้น แอปพลิเคชันทั้งหมดจะยังคงออนไลน์และไม่ถูกปิดใช้งาน นอกจากนี้ ลักษณะของระบบที่ไม่มีศูนย์กลางและความปลอดภัยของการเข้ารหัสลับทำให้เครือข่าย Ethereum ได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีจากการแฮกและกิจกรรมฉ้อโกง

ข้อเสียของ Ethereum

แม้ว่า Smart Contract จะได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างเครือข่ายที่ไม่ล้มเหลว แต่มันทำหน้าที่ได้ดีตามที่ผู้สร้างเขียนโค้ดไว้เท่านั้น ซึ่งยังมีช่องว่างสำหรับข้อผิดพลาดจากมนุษย์ และข้อผิดพลาดอื่นๆ ในโค้ดที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ หากเกิดขึ้นจะไม่มีทางหยุดการโจมตีจากแฮกเกอร์หรือการใช้ประโยชน์ของข้อผิดพลาดนั้นได้ ทางเดียวที่จะแก้ปัญหาคือการใช้หลักการ Consensus และเขียนโค้ดที่เกี่ยวข้องใหม่ แต่การทำเช่นนี้จะขัดต่อหัวใจสำคัญของบล็อกเชน เนื่องจากมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

DAO เป็นที่ทราบกันดีว่า DAO เปิดตัววันที่ 30 เมษายน 2016 หลังจากที่ถูกโจมตีทำให้โทเคน Ether มากกว่า 3.6 ล้าน ถูกขโมย ผู้โจมตีใช้ช่องโหว่ของการเรียกข้อผิดพลาดซ้ำในโค้ด และดูดเงินจาก DAO ไปยัง DAO ตัวย่อยที่มีโครงสร้างเหมือนกัน การสูญเสียเงินจำนวนมากของกองทุน DAO ไม่ใช่ผลที่มาจากการโจมตีเพียงอย่างเดียว เพราะมันได้ทำลายความไว้ใจของผู้ใช้ทั่วทั้งเครือข่าย Ethereum โดยที่ราคาของ ETH ลดลงจากมูลค่ามากกว่า 20 ดอลลาร์สหรัฐ จนเหลือไม่ถึง 13 ดอลลาร์สหรัฐ

วิธีการรับ Ether (ETH)

การรับ Ether สามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่ การซื้อและการขุด

วิธีทั่วไปที่สะดวกที่สุดในการซื้อ Ether คือการซื้อจากตลาดแลกเปลี่ยน สิ่งที่คุณต้องทำคือค้นหาตลาดแลกเปลี่ยนที่ขาย Ether และให้บริการในพื้นที่ของคุณ หลังจากนั้นให้ตั้งค่าบัญชีและใช้บัญชีธนาคารของคุณ โอนเงินผ่านธนาคารหรือใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อโทเคน Ether โทเคนเหล่านั้นควรเก็บอยู่ในกระเป๋าเงิน ซึ่งอาจให้บริการโดยตลาดแลกเปลี่ยน เบราว์เซอร์ Mist ของ Ethereum หรือโดยบริการพิเศษอื่นๆ

ดังที่กล่าวมาข้างต้น การซื้อเงินดิจิตอลในตลาดแลกเปลี่ยนสามารถนำไปสู่ความซับซ้อนได้ เช่น ขั้นตอนการยืนยันบัญชี ค่าคอมมิชชั่น เป็นต้น หากต้องการทำเงินโดยการซื้อและการขาย Ether โดยตรง คุณจะต้องซื้อในราคาทุนทั้งหมด ซึ่งไม่ช่วยให้คุณทำเงินได้มากหากปัจจุบันคุณมีเงินทุนจำกัด นอกจากนี้ยังมีการแฮกกระเป๋าเงินที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งคุณจะต้องเสี่ยงกับการสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดโดยไม่มีทางได้กลับคืนมา (อย่าลืมว่าระบบคือไม่มีศูนย์กลาง (Decentralized) และไม่มีธนาคารไหนช่วยได้)

อีกทางเลือกในการหาโทเคน Ether (ETH) คือการขุด การขุด Ethereum เกี่ยวข้องกับหลักฐานการทำงาน ซึ่งหมายความว่านักขุดต้องใช้การคำนวณสำหรับแก้ไขปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน เพื่อปิดผนึกและยืนยันบล็อกภายในเครือข่าย นักขุดที่ทำงานได้สำเร็จจะได้รับรางวัลสำหรับแต่ละบล็อกที่ขุดได้

การทำเหมือง Ethereum

ปัจจุบันการขุด Ethereum ได้กลายเป็นสิ่งซับซ้อนมากขึ้นและต้องมีอุปกรณ์ราคาแพงเพื่อสร้างรายได้ ขณะที่ราคาของการ์ดจอยังคงสูง

หรือกล่าวได้ว่าการครอบครอง Ether ทางกายภาพ ตลอดจนเงินดิจิตอลอื่นๆ มาพร้อมกับความซับซ้อนและความเสี่ยง และเราไม่แนะนำให้คุณซื้อเงินดิจิตอลหากคุณยังไม่แน่ใจที่จะทำเช่นนั้น

หากคุณแค่ต้องการทำเงินจากอัตราแลกเปลี่ยน Ether (ETH) Libertex นำเสนอวิธีที่ง่ายและสะดวกด้วยการเทรด CFD CFD คือสัญญาสำหรับส่วนต่างของราคา หากต้องการทำเงินจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน คุณไม่จำเป็นต้องซื้อมันด้วยราคาทุนทั้งหมด เพียงแค่จ่ายส่วนต่าง (ส่วนต่างระหว่างราคา Ask และ Bid) และส่วนที่เหลือของรายได้ที่ได้รับจากอัตรา Ether ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงจะเป็นของคุณ

เราหวังว่าบทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณ หากคุณมีข้อสงสัย โปรดส่งคำถามหรือแนวคิดของคุณในส่วนความคิดเห็น

นอกจากนี้ เราขอเชิญชวนให้คุณเปิดบัญชีทดลองฟรีที่ Libertex และเริ่มต้นเทรด Ether ตอนนี้!

เรายังนำเสนอบทเรียนฟรีเกี่ยวกับวิธีการเทรด CFD สำหรับคุณ ขอให้มีความสุข!

ทำไมถึงต้องเทรดกับ Libertex?

  • เข้าใช้งานบัญชีเดโมแบบไม่มีค่าใช่จ่าย
  • การช่วยเหลือทางเทคนิค 5 วันต่อสัปดาห์, 24 ชั่วโมงต่อวัน
  • เลเวอเรจสูงสุด 1:500
  • ทำงานบนแพลตฟอร์มได้บนทุกอุปกรณ์: Libertex และ Metatrader 4 และ 5
  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่นสำหรับพื้นที่ละตินอเมริกา
ย้อนกลับ

สัมผัสกับความน่าตื่นเต้นของการเทรด!

ลงทะเบียนเปิดบัญชีเดโมกับ Libertex และมาเรียนรู้วิธีการเทรด