Skip to main content
Alternatives to Bitcoin: What are the best altcoins?
Alternatives to Bitcoin: What are the best altcoins?

ทางเลือกอื่นของ Bitcoin: Altcoin ที่ดีที่สุดตัวไหน?

ปัจจุบันมีสกุลเงินดิจิตอลมากกว่า 1,600 สกุลเงิน ให้นักลงทุนเลือก และบิทคอยน์ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่คอยน์ยังคงครองสัดส่วนประมาณ 39% จากมูลค่าราคาตลาดรวมของสกุลเงินดิจิตอล ซึ่งคิดเป็น 283 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (อ้างอิงข้อมูลตาม coinmarketcap.com) บิตคอยน์เป็นผู้นำในตลาดสกุลเงินดิจิตอลในหลายๆ ด้าน นับเป็นเวลาหลายปี ก่อนเดือนมีนาคม พ. ศ. 2560 ตลาดเงินเสมือนรวมประกอบไปด้วย bitcoin คิดเป็น 75% ถึง 95% ของทั้งหมด

ปัญหาการขาดแคลน Bitcoin (เนื่องจากมีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ) มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มมูลค่าของมันให้สูงขึ้นกว่าเงินเสมือนอื่นๆ ทั้งหมด นักลงทุนต่างเพลิดเพลินกับผลประโยชน์ของ Bitcoin ในตลาด (การซื้อขายเริ่มต้นในเดือนมีนาคม 2553) รวมถึงพันธมิตรจำนวนมากที่มีแพลต์ฟอร์มเชิงพาณิชย์ต่างๆ

แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหาก Bitcoin ไม่ใช่สกุลเงินที่ดีที่สุดในบรรดาเงินเสมือนทั้งหมดอีกต่อไป? ตัวอย่างเช่น เครือข่ายบล็อกเชนของมันถูกฉุดลงเนื่องมาจากการที่ชุมชนไม่สามารถที่จะบรรลุข้อตกลงว่าสิ่งใดที่ควรได้รับการดำเนินการปรับปรุง ผลลัพธ์ที่ได้คือการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมและระยะเวลาในการชำระเงินช้าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเพื่อนของพวกเขา

ตอนนี้ได้มีการนำแนวคิดบล็อกเชนมาใช้ขับเคลื่อน Altcoin นับร้อยที่สามารถซื้อขายในตลาดเงินดิจิตอล Bitcoin ไม่ใช่เงินดิจิตอลสกุลเดียวเท่านั้นและมันไม่ใช่หนทางเดียวในการลงทุน ในความเป็นจริง เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง Bitcoin มีเจตนาให้นำมาเปิดเผยอยู่แล้ว

ซึ่งสร้างโอกาสใหม่ๆ มากมาย คุณอาจไม่ทันได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันของราคาของ Bitcon แต่ยังมี cryptocurrency อื่นๆ ที่อาจแตะถึงด้านบน

นี่คือรายชื่อของ altcoin ตัวเด่นๆ ที่สุด มีการทดลองบล็อกเชนที่ใช้การขายโทเค็นเพื่อเป็นเงินทุนให้โครงการของพวกเขาและฟีดเครือข่ายเป็นจำนวนมาก

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นภาพรวมอย่างรวดเร็ว คุณควรศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมหากคุณต้องการซื้อ cryptocurrency นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตว่าการซื้อเงินเสมือนบางสกุลที่กล่าวถึงในที่นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ในหลายกรณี คุณอาจจะต้องซื้อ Bitcoin หรือ Ethereum ก่อน เช่นเดียวกับการลงทุนทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในโลกของ crypto คุณควรหลีกเลี่ยงการลงทุนที่คุณทำให้คุณไม่สบายใจหากคุณสูญเสียจากความผันผวนของตลาด

Ethereum

Ethereum

เป็นระยะเวลาประมาณหนึ่งปีแล้วที่ทุกคนต่างเห็นว่า Ethereum คือสกุลเงินดิจิตอลที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับสอง มันอาจถือได้ว่าเป็น cryptocurrency ที่สำคัญที่สุดในโลกจากการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนของมัน บล็อกเชนคือการบันทึกข้อมูลแบบดิจิตอลที่แจกจ่ายและกระจายศูนย์ที่รับผิดชอบในการบันทึกธุรกรรมในลักษณะที่โปร่งใสและไม่เปลี่ยนรูป

มีปัจจัยสองอย่างที่ทำให้ Ethereum โดดเด่นอย่างมาก ประการแรก เทคโนโลยีบล็อกเชนของบริษัททำให้สามารถใช้ได้ทั้งกับตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงินได้ ในขณะที่บล็อกเชนและโทเค็นของ Bitcoin ต้องนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการเท่านั้น ธนาคารสามารถใช้บล็อกเชนของ Ethereum เพื่อปรับปรุงการตรวจสอบและการชำระเงินของธุรกรรมได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับการที่ผู้ค้าปลีกสามารถใช้บล็อกเชนของ Ethereum ในการติดตามสินค้าที่เคลื่อนผ่านห่วงโซ่อุปทานแบบเรียลไทม์ แม้ว่าภาคอุตสาหกรรมและภาคส่วนต่างๆ บางแห่งจะไม่ได้รับประโยชน์จากบล็อกเชน แต่เครือข่ายพื้นฐานของ Ethereum ก็มีความยืดหยุ่นพอที่จะดึงดูดความสนใจได้ ในความเป็นจริง Enterprise Ethereum Alliance ซึ่งเป็นโครงการโอเพนซอร์สริเริ่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยบัดนี้มีองค์กรที่มั่นคงกว่า 400 องค์กร

ประการที่สอง การก่อตั้ง smart contracts โดย Ethereum เป็นสิ่งสำคัญ Smart contracts เป็นโปรโตคอลที่รวมอยู่ในเครือข่ายบล็อกเชน ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวทางในการดำเนินการ สมมติว่าบริษัทต้องการซื้อผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมเมื่อยอดขายของบริษัทถึงระดับหนึ่ง smart contracts สามารถทำดำเนินการสั่งซื้อได้ มันช่วยในการอำนวยความสะดวก ตรวจสอบและบังคับใช้การเจรจาต่อรองของสัญญาซึ่งในกรณีนี้จะเป็นข้อกำหนดที่ผูกพันตามกฎหมายซึ่งคู่สัญญาอาจเป็นบุคคลหรือบริษัทได้ตกลงกันไว้

สัญญาอัจฉริยะและความมีประโยชน์ของบล็อกเชนของ Ethereum ทำให้มันมีจุดแข็งมากพอที่จะเอาชนะ Bitcoin ได้ในอนาคต

Litecoin

Litecoin

เงินเสมือนส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับกับเทคโนโลยีบล็อกเชนของพวกมัน อย่างไรก็ตาม Litecoin พยายามจะเอาชนะบิตคอยน์ในฐานะตัวกลางการแลกเปลี่ยน

ตามข้อมูลการทำธุรกรรมประจำวันของ BitInfoCharts.com จำนวนของการทำธุรกรรม Bitcoin อยู่ระหว่าง 150,000 และ 300,000 ต่อวัน โดยไม่เพิ่มขึ้นเลยตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2559 ขณะเดียวกัน Litecoin มีการทำธุรกรรมเพียง 10,000 ธุรกรรมต่อวันโดยเฉลี่ยในปีก่อน และขยับมาเป็นระหว่าง 25,000 ถึง 35,000 ธุรกรรมต่อวันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยมีเวลาในการประมวลผลบล็อกเฉลี่ยเพียงประมาณ 2 นาที 30 วินาที (บล็อก คือคำที่อธิบายถึงกลุ่มของธุรกรรมที่ได้รับการตรวจสอบว่าถูกต้อง) เมื่อเปรียบเทียบกัน เครือข่าย Bitcoin ทำงานเดียวกันใน 10 นาที Litecoin ใช้เวลาในการตรวจสอบและการจ่ายชำระได้รวดเร็วกว่าคู่แข่งอย่างมาก Litecoin มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นพันธมิตรกับผู้ค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และทำผลงานได้ดีในการลดช่องว่างข้างหลัง Bitcoin ในแง่ของการทำธุรกรรมรายวันทั้งหมด

แต่ก็ใช้ว่า Litecoin จะสมบูรณ์แบบ แม้ว่าผู้ก่อตั้งคือ Charlie Lee จะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อโปรโมท Litecoin และอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนให้แก่ผู้ค้ารายใหม่ แต่น่าเสียดายที่มีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น Lee โปรโมทการพัฒนาและการเปิดตัว LitePay ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อรองรับ Litecoin แม้ว่าจะพัฒนาขึ้นโดยอิสระจาก Litecoin โชคร้ายที่ LitePay ไม่เจ๋งอย่างที่ได้โปรโมทไว้ โดยในความเป็นจริงแล้วมันยังไม่เคยได้เปิดตัว ด้วยเหตุนี้ซีอีโอของ LitePay นาย Kenneth Asare ได้แจ้ง Litecoin ว่าเขาตั้งใจที่จะหยุดการทำงานบนแพลตฟอร์มและขายบริษัท

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีอุปสรรคเหล่านี้ แต่ก็แทบไม่มี cryptocurrencies ใดหรืออาจไม่มีเลยที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการประมวลผลธุรกรรมได้เร็วกว่า Litecoin

Ripple

Ripple

Ripple หรือที่เรียกว่า XRP คือคู่แข่งล่าสุดของบิตคอยน์ที่ประสบความสำเร็จหลังจากที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อช่วงปลายปี 2017 ทำให้มันกลายเป็นเงินดิจิตอลที่มีราคามากที่สุดเป็นอันดับสามของมูลค่าตลาด Ripple เชื่อมโยงกับสถาบันการเงิน ซึ่งแตกต่างจาก Bitcoin ที่มีการกระจายอำนาจสูง โดยสกุลเงินนี้เริ่มต้นเปิดตัวในปี พ. ศ. 2555 สำหรับธนาคารที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อทำการโอนเงินทั่วโลก การเป็นเจ้าของ Ripple ทำได้ยากมากเมื่อเทียบกับ cryptocurrency อื่นๆ เพราะว่าคุณต้องจ่ายด้วย Bitcoin หรือ Ethereum เพื่อให้ได้มันมา

Monero

Monero

Monero เป็นเงินดิจิตอลอีกหนึ่งทางเลือกที่มีโอกาสแย่งบัลลังก์ของบิตคอยน์ เนื่องจากมันเป็นโทเค็นเสมือนจริงที่สำคัญที่สุดในโลก ความแตกต่างที่สำคัญคือ Monero เน้นความเป็นส่วนตัว

Monero ตอบโจทย์นักเสรีนิยมที่ต้องการหลีกเลี่ยงเครือข่ายธนาคารแบบดั้งเดิมเช่นเดียวกับคนที่ไม่ต้องการซุ่มเงียบ ความน่าสนใจนี้อาจเพียงพอต่อการเพิ่มมูลค่าตามราคาตลาดในระยะยาว

Cryptocurrency ที่มีความเป็นส่วนตัว เป็นโทเค็นเสมือนจริงที่ช่วยสนับสนุนความคาดหวังว่าจะไม่ระบุตัวตนในการทำธุรกรรมเลย ในความเป็นจริงเครือข่ายบล็อกเชนส่วนใหญ่ไม่มีความเป็นส่วนตัวเท่าที่คุณคิด การวิเคราะห์บล็อกเชนมักจะสามารถเปิดเผยผู้ส่งและผู้รับเงินได้ ด้วยสกุลเงินที่เป็นความลับเช่น Monero มีการสร้างการป้องกันขึ้นเพื่อซ่อนผู้ส่งเงินและผู้รับเงินรวมถึงการปกปิดเงินที่ได้รับ ความเป็นส่วนตัวของ Monero นั้น ทำได้โดยใช้ ring signatures ไม่มีทางที่จะรู้เลยว่าผู้ส่งที่แท้จริงเป็นใครและคนเดียวที่ได้รับการแจ้งเตือนก็คือผู้รับเงินเท่านั้น

บิตคอยน์แคช

Bitcoin Cash

ทางเลือกนี้ไม่ไกลจาก Bitcoin มากนัก เมื่อมูลค่าตลาดของ Bitcoin เพิ่มสูงขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ทุกคนก็อยากและเริ่มลงทุนในเวลาเดียวกัน มันทำให้เกิดความล่าช้าในการทำธุรกรรมเนื่องจากคนขุดสกุลเงินไม่สามารถเพิ่มบล็อกได้มากทันเวลา Bitcoin Cash ได้แยกออกจากสกุลเงินเดิมเมื่อเดือนสิงหาคม 2017 เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว Bitcoin Cash ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม Hard Fork นั้น ทำงานในลักษณะเดียวกับ Bitcoin ยกเว้นบล็อกที่เพิ่มขึ้นจาก 1MB เป็น 2MB เพื่อช่วยเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมและรักษาอัตราให้ต่ำ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่มูลค่าบิตคอยน์ลดลง ราคา Bitcoin Cash จึงมีแนวโน้มเช่นเดียวกัน

Stellar

Stellar

Cryptocurrency อีกตัวที่มีโอกาสที่จะแทนที่ Bitcoin ได้แก่ Stellar ซึ่งเป็นชื่อทั้งบล็อกเชนและสกุลเงิน Lumens

บล็อคเชนของ Stellar เป็นที่นับถือในสองด้านต่อไปนี้ อย่างแรก มันมีความรวดเร็วมาก ธุรกรรมส่วนใหญ่สามารถตรวจสอบและแก้ไขได้ภายในสองถึงห้าวินาที แม้ว่าจะไม่น่าประทับใจเท่าการทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์ แต่ก็เร็วกว่าการชำระเงินผ่านเครือข่ายธนาคารแบบดั้งเดิมที่ใช้เวลาถึงห้าวันทำการตาม ประการที่สอง Stellar นำ Smart Contract มาใช้ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถกำหนดสัญญาที่มีผลผูกพันตามกฎหมายเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของตนได้ เช่นเดียวกับ Ethereum

Stellar เครือข่ายบางอย่างที่สมควรได้รับความสนใจ ปัจจุบันสกุลเงิน Lumens กำลังถูกใช้ในโครงการบล็อกเชนของ IBM ที่ธนาคารรายใหญ่ 12 แห่งในแปซิฟิกใต้เพื่อเร่งรัดการชำระเงิน ก่อนที่จะมีการประกาศความร่วมมือนี้ Stellar และธนาคาร ICICI ของอินเดียได้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโซลูชันบล็อกเชนเพื่อเพิ่มความเร็วในการประมวลผลธุรกรรมในประเทศนั้น การที่ประชากรของประเทศอินเดียไม่มีการธนาคารที่มีเสถียรภาพมากที่สุด บล็อกเชนอาจมีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่แบบนี้

แม้ว่า Stellar จะยังไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเติบโตได้ แต่กลุ่มความสัมพันธ์ที่เติบโตขึ้นและเครือข่ายบล็อกเชนที่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วอาจทำให้นักลงทุนของ Bitcoin ต้องกังวล

VeChain Thor

Vechain

ถ้าเราต้องโฟกัสอย่างเคร่งครัดในบล็อกเชนแอปพลิเคชันที่ไม่ใช่สกุลเงินแล้ว VeChain Thor อาจเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุดที่น่าจะกำจัด Bitcoin ได้ เพราะว่าเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่มีค่ามากที่สุดในโลก

VeChain Thor เป็น บริษัท blockchain-as-a-service (แพลตฟอร์มบริการด้านบล็อกเชน) ซึ่งมุ่งเน้นด้านโลจิสติกส์ของห่วงโซ่อุปทาน VeChain Thor พัฒนาชิปอัจริยะ หรือ smart chip และยังใช้บล็อกเชนที่สำคัญและ Internet of Things เพื่อติดตามผลิตภัณฑ์ในแบบเรียลไทม์ เก็บผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบออกจากโซ่อุปทานและอนุญาตให้ผู้ค้าปลีกและผู้ค้าส่งชมวิธีการผลิตภายใต้การควบคุมคุณภาพต่างๆ ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้

สิ่งที่ทำให้ VeChain Thor ได้รับความสนใจก็คือเครือข่ายล่าสุดของมัน แรกเริ่มก็ร่วมมือกับบริการประกันคุณภาพสากล DNV GL เพื่อให้ผู้ค้าปลีกติดตามผลิตภัณฑ์ในแบบเรียลไทม์ แต่ที่เด่นๆ คือการประกาศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า BMW ยักษ์ใหญ่ของเยอรมันจะเข้าร่วมด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง VeChain Thor และบล็อกเชนที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้จะช่วยให้ BMW ติดตามห่วงโซ่อุปทานของชิ้นส่วนรถยนต์ได้

นอกจากนี้ VeChain Thor ยังเป็นสกุลเงินดิจิตอลตัวแรกที่อนุมัติแผนการกู้คืนความเสียหายของ Cryptocurrency (CDRP) อีกด้วย CDRP ทำหน้าที่เป็นตัวทดสอบความเครียดสำหรับตลาดที่มีภัยคุกคามที่ร้ายแรงและอาจจะเกิดขึ้นกับเจ้าของ โดยสรุปได้ว่า VeChain Thor ตอบสนองต่อภัยคุกคามเหล่านี้ได้ดีพอที่จะปกป้องทรัพย์สินของเจ้าของโทเค็น

Digital Cash (DASH)

Dash

Dash อยู่ในตำแหน่งที่ดีเมื่อปี 2017 เช่นเดียวกับ Altcoin ที่สำคัญอื่นๆ โดยที่มูลค่าขึ้นเพิ่มขึ้นจาก 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อโทเค็น และขึ้นไปสูงสุดที่ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อตอนสิ้นปี ตั้งขึ้นตั้งแต่นั้นมา แต่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาและติด 20 อันดับ Cryptocurrency ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงสุด

เดิมเรียกว่า Xcoin และ Darkcoin แต่ใช้ชื่อ Dash มานานที่สุด ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี พ. ศ. 2557 มันได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในช่วงเริ่มต้นของวงจรชีวิตของมันและยังคงรักษาระดับได้ดีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ต้องขอบคุณการป้องกันความเป็นส่วนตัวของเจ้าของผ่านฟังก์ชั่น PrivateSend PrivateSend ทำหน้าที่เป็นประกันอย่างเป็นทางการ ทำให้การทำธุรกรรมของ Dash ได้รับการปกป้องมากขึ้นและจึงเพิ่มเกราะป้องกันความเป็นส่วนตัวอีกชั้นให้กับเจ้าของ

สรุป

แม้จะมีสิ่งใหม่และน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นแวดวง Cryptocurrency แทบจะทุกสัปดาห์ แต่ยังคงมีไม่มีการรับประกันว่าเงินเสมือนเหล่านี้หรือแม้กระทั่ง Bitcoin จะอยู่รอดและประสบความสำเร็จในระยะยาว กฎระเบียบที่กระจัดกระจายแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศรวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่านักลงทุนไม่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในสินทรัพย์ คือบล็อกเชน ทำให้การซื้อ Cryptocurrency มีความเสี่ยงเทียบเท่าการพนัน

ดังที่เราได้กล่าวมาก่อนหน้านี่ว่าการซื้อและการขาย Cryptocurrency โดยตรงในตลาดไม่ใช่เพียงวิธีการเดียวและไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการลงทุนในตลาดนี้ เราขอแนะนำให้คุณทำความคุ้นเคยกับการเทรด CFD (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) ซึ่งมีข้อดีมากมาย (เช่น การเปิดตำแหน่ง Long และ Shot) ซึ่งเกี่ยวข้องกับตลาดที่มีความผันผวนเช่นเดียวกับตลาดเงินดิจิตอล เมื่อ ทำการซื้อขายกับ CFD คุณจะได้รับทั้งเมื่อราคาเพิ่มขึ้นหรือลดลง คุณไม่จำเป็นต้องซื้อสินทรัพย์ที่มูลค่ารวมของมัน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่คุณสามารถทำธุรกรรมที่ทำกำไรได้โดยไม่ต้องมีเงินจำนวนมาก

Libertex เสนอให้คุณลองทำการซื้อขาย CFD ตอนนี้โดยเปิด บัญชีทดลองฟรี คุณสามารถฝึกได้มากเท่าที่ต้องการโดยไม่ต้องเสี่ยงใด ๆ นอกจากนี้เราขอแนะนำให้คุณอ่าน บทเรียนฟรี ของเรา

ทำไมถึงต้องเทรดกับ Libertex?

  • เข้าใช้งานบัญชีเดโมแบบไม่มีค่าใช่จ่าย
  • การช่วยเหลือทางเทคนิค 5 วันต่อสัปดาห์, 24 ชั่วโมงต่อวัน
  • เลเวอเรจสูงสุด 1:500
  • ทำงานบนแพลตฟอร์มได้บนทุกอุปกรณ์: Libertex และ Metatrader 4 และ 5
  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่นสำหรับพื้นที่ละตินอเมริกา
ย้อนกลับ

สัมผัสกับความน่าตื่นเต้นของการเทรด!

ลงทะเบียนเปิดบัญชีเดโมกับ Libertex และมาเรียนรู้วิธีการเทรด