ท่ามกลางความวุ่นวายในตลาดหุ้นและคริปโต ภายหลังจากพิธีสาบานตนของดอนัลด์ ทรัมป์ สินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมน้อยอย่างน้ำมันและแก๊ส กลับถูกมองข้ามจากนักลงทุนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารได้ขู่เกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากร ว่าอยู่ระหว่าง 10% ถึง 100% โดยไม่มีทิศทางที่แน่ชัด แม้ว่าจะมีการถกเถียงกันเกี่ยวกับผลกระทบต่อหุ้นในทั้งสหรัฐฯ และจีน แต่กลับมีการพูดถึงผลกระทบต่อทรัพยากรอุตสาหกรรมที่สำคัญเหล่านี้น้อยมาก ทั้งที่เป็นช่วงที่เกือบมีอุปสงค์สูงสุดในฤดูหนาว น้ำมันดิบที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่าง Brent, WTI และ Light Sweet รวมถึงแก๊สธรรมชาติที่สำคัญอย่าง Henry Hub ยังคงค่อนข้างมีเสถียรภาพ นับตั้งแต่ช่วงที่ราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2022
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งราคาน้ำมันและแก๊สได้ปรับตัวลดลงโดยเฉลี่ย 5% และ 15% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่อาจเป็นปัจจัยกดดันอุปสงค์ด้านพลังงาน ตัวเร่งที่ทำให้ราคาลดลงคือ การตอบโต้ของจีนผ่านการเก็บภาษีศุลกากรกับ LNG ของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้มีปริมาณแก๊สเหลือเพียงพอ ที่จะตอบสนองต่ออุปสงค์ของยุโรป ที่กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ คำถามที่ตามมาคือ สงครามการค้าจะกดดันราคาพลังงานไปอีกนานแค่ไหน และมีปัจจัยใดอีกบ้าง ที่อาจส่งผลต่อตลาดน้ำมันและแก๊สในระยะสั้นถึงระยะกลาง
ต้องมีสองฝ่าย
การที่ทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรจากจีน ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ หลังจากที่เขาให้คำมั่นตลอดการหาเสียงว่าจะ "เล่นงานจีนให้หนัก" การประกาศเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 10% กับสินค้าจีน จึงถือว่าต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของจีนอาจทำให้บางคนประหลาดใจ จีนตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 15% สำหรับถ่านหินและ LNG จากสหรัฐฯ และเรียกเก็บภาษี 10% กับน้ำมันดิบ อุปกรณ์การเกษตร และรถบรรทุกบางประเภท รวมถึงรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ สิ่งนี้เป็นสัญญาณว่า จีนมีการเตรียมพร้อมและแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทรัมป์ ในสงครามการค้ารอบใหม่นี้
สิ่งที่อาจเกิดขึ้นตามมาคือ สหรัฐฯ อาจเพิ่มมาตรการภาษีศุลกากรขึ้นอีก ซึ่งอาจทำให้จีนตอบโต้เพิ่มอีกด้วยเช่นกัน สถานการณ์เช่นนี้หมายความว่า อุปสงค์สำหรับ LNG ของสหรัฐฯ จะยังคงได้รับผลกระทบต่อไป เนื่องจากจีนซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก ที่ไม่ได้มีทรัพยากรเป็นของตนเองจริง จำเป็นต้องหาแหล่งน้ำมันและแก๊สแหล่งอื่น ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่า ทรัมป์จะเดินเกมภาษีไปไกลแค่ไหน และฝ่ายใดจะยอมอ่อนข้อก่อน จีนมีผู้จัดหาน้ำมันและแก๊สที่อยู่ใกล้ และมีต้นทุนค่อนข้างต่ำกว่า แต่หากสินค้าที่จีนผลิตจากพลังงานเหล่านี้ มีราคาสูงเกินไปสำหรับผู้บริโภคในตลาดสำคัญอย่างสหรัฐฯ ยอดขายที่ลดลงก็อาจทำให้จีนสูญเสียมากกว่าที่ได้จากต้นทุนพลังงานที่ต่ำลง
ทุกคนมีราคาของตัวเอง
จากที่มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในขณะนี้ หลายคนอาจลืมไปว่า ตลาดพลังงานเมื่อปีที่แล้วเป็นอย่างไร เป็นที่น่าสังเกตว่า ถึงแม้จะมีภาษีเพิ่มภาษี 10% แต่ราคาปัจจุบันของ Henry Hub ที่ $3.71 และ Brent ที่ $75.42 ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ ซึ่งอาจช่วยชะลอแนวโน้มอุปสงค์ที่ลดลง หรืออย่างน้อยก็ทำให้ราคา LNG ของสหรัฐฯ สามารถแข่งขันกับทางตะวันออกกลางได้ สำหรับผู้บริโภคในยุโรป ราคาแก๊สยังอยู่ในระดับต่ำ นับตั้งแต่ช่วงที่พุ่งขึ้นในฤดูร้อนปี 2022 แม้ว่าราคาของ Henry Hub จะลดลงถึง 50% จากระดับปัจจุบัน แต่ก็ยังอยู่ในช่วงค่าเฉลี่ยสำหรับปี 2024
และเมื่อฤดูหนาวที่ต้องใช้การทำความร้อน กำลังจะสิ้นสุดลงในยุโรปและสหรัฐฯ บางคนอาจมองว่า อุปสงค์ของแก๊สธรรมชาติจะลดลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากร แต่สิ่งที่ต้องจับตามองมากกว่าคือ ราคาน้ำมันก่อนเข้าสู่ฤดูกาลขับขี่ในช่วงฤดูร้อน แม้ว่า Brent มีราคาสูงกว่าปัจจุบันถึง 20% ในเดือนมีนาคม 2024 แต่เศรษฐกิจก็ไม่ได้พังลง นั่นหมายความว่า แม้จะเพิ่มภาษีขึ้น 10% กับราคาของ Brent, WTI หรือ Light Sweet แต่ราคาน้ำมันก็ยังถูกกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 9% ดังนั้น แม้ว่าอาจไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดในการซื้อตุน แต่ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องรีบเทขายน้ำมันในตอนนี้
เทรด CFD ของน้ำมันและแก๊สด้วย Libertex
นอกจากสินทรัพย์อ้างอิงที่ได้รับความนิยมอย่างหุ้น ETF และสกุลเงินแล้ว Libertex ยังมี CFD สำหรับทรัพยากรพลังงานมากมาย รวมถึงอนุพันธ์ของน้ำมันและแก๊ส เช่น WTI Crude, Light Sweet, Brent และ ก๊าซธรรมชาติ Henry Hub หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสร้างบัญชีวันนี้ ให้ไปที่ www.libertex.org/signup