Skip to main content
Forex
Forex

ฟอเร็กซ์คืออะไรและจะซื้อขายได้อย่างไร

Forex หรือ FX ย่อมาจาก Foreign Exchange หมายถึงการซื้ออหรือขายสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลเงิน นี่คือตลาดการเงินที่คึกคักมากที่สุดในโลก เนื่องบริษัท รัฐบาล และบุคคลได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเทรดฟอเร็กซ์ เมื่อคุณเดินทางไปต่างประเทศและแลกเปลี่ยนสกุลเงินบ้านเกิดของคุณกับสกุลเงินท้องถิ่น แปลว่าคุณได้เข้าร่วมในตลาดสกุลเงินระดับโลก อัตราแลกเปลี่ยนระหว่าง 2 สกุลเงิน จะขึ้นหรือลงขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของทั้ง 2 สกุลเงิน

Forex คือตลาดแบบไม่มีศูนย์กลางระดับโลก ซึ่งเป็นการเทรดสกุลเงินทั้งหมดทั่วโลก นี่คือตลาดที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องมากที่สุด ด้วยเงินหมุนเวียนต่อวันมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ผู้เข้าร่วมตลาด Forex มีตั้งแต่สถานบันทางการเงินขนาดใหญ่ที่จัดการเงินทุนหลายพันล้านดอลลาร์ ไปจนถึงนักเทรดรายย่อยที่เข้าตลาดด้วยเงินเพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์

ตอนนี้คุณสามารถเทรด Forex บนเว็บได้เช่นเดียวกับธนาคารและกองทุนขนาดใหญ่ ในการเริ่มต้นเทรด สิ่งที่คุณต้องใช้คือเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และบัญชีเทรดที่เปิดกับโบรกเกอร์ Forex

จุดประสงค์ของการเทรดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศค่อนข้างง่าย เหมือนกับกรณีอื่นๆ ของการเก็งกำไร เพียงแค่ซื้อสกุลเงินที่ราคาหนึ่ง และขายที่ราคาสูงกว่า หรือขายสกุลเงินที่ราคาหนึ่ง จากนั้นซื้อในราคาที่ถูกกว่า เพื่อทำกำไร

การเทรด Forex เป็นอย่างไร

ในการเทรด Forex คุณจะแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งเป็นอีกสกุลเงินหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออัตราแลกเปลี่ยนระหว่าง 2 สกุลเงิน (คู่สกุลเงิน)

คู่สกุลเงิน

สกุลเงินใน Forex มักแลกเปลี่ยนเป็นคู่ เมื่อคุณแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐเป็นยูโรจะมีสกุลเงิน 2 สกุลเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น การทำธุรกรรมกับสกุลเงินใดๆ คือการแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งเป็นอีกสกุลเงิน นี่คือเหตุผลที่ Forex ใช้คู่สกุลเงิน เพื่อแสดงราคาของสกุลเงินเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงิน ยกตัวอย่างเช่น คู่ EUR/USD จะแสดงให้เห็นว่าต้องใช้กี่ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพื่อซื้อ 1 ยูโร (EUR)

ในตลาด Forex แต่ละสกุลเงินจะมีสัญลักษณ์ ยูโรจะใช้สัญลักษณ์ EUR ส่วนดอลลาร์สหรัฐจะใช้ USD สัญลักษณ์อื่นๆ ที่ได้รับความนิยม เช่น AUD ดอลลาร์ออสเตรเลีย, GBP ปอนด์อังกฤษ, CHF ฟรังก์สวิส, CAD ดอลลาร์แคนาดา, NZD ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และ JPY เยนญี่ปุ่น

แต่ละคู่เงิน เช่น EUR/USD AUD/USD หรือ USD/JPY ต่างมีราคาตลาด ราคานี้แสดงว่าต้องใช้สกุลเงินที่สองเท่าไรเพื่อซื้อสกุลเงินแรก 1 หน่วย ด้วยเหตุนี้ หากราคา EUR/USD คือ 1.4500 หมายความว่าคุณจะต้องจ่าย 1.45 ดอลลาร์ต่อยูโรที่คุณซื้อ

สกุลเงินแรกมักเป็นตัวกำหนดทิศทางบนกราฟ หากคุณดูที่กราฟ EUR/USD ด้วยราคาที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้น นี่หมายความว่าราคา EUR กำลังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ USD ในทางกลับกัน หากกราฟกำลังเคลื่อนตัวลง หมายความว่า EUR กำลังราคาลดลงเมื่อเทียบกับ USD

นี่คือตัวอย่างง่ายๆ ของการทำธุรกรรมฟอเร็กซ์ สมมติว่าคุณตัดสินใจซื้อ 1,000 ยูโร ด้วยดอลลาร์สหรัฐ ราคาปัจจุบันของ EUR/USD อยู่ที่ 1.4500 ดังนั้นคุณต้องจ่าย 1,450 ดอลลาร์สหรัฐ

ต่อมาคุณเห็นราคาเพิ่มเป็น 1.5500 และคุณต้องการขายเงินยูโรเพื่อรับดอลลาร์สหรัฐ คุณจึงขาย 1,000 ยูโร และรับ 1,550 ดอลลาร์สหรัฐจากการแลกเปลี่ยน ดังนั้น สรุปว่าคุณเริ่มต้นด้วย 1,450 ดอลลาร์สหรัฐ และตอนนี้คุณมี 1,550 ดอลลาร์สหรัฐ หมายความว่าคุณได้รับกำไร 100 ดอลลาร์สหรัฐ ในทางกลับกัน หากราคาลงลงเหลือ 1.3500 คุณจะขายยูโรได้ 1,350 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับเงินทุนเริ่มต้นจำนวน 1,450 ดอลลาร์สหรัฐ นั่นแปลว่าคุณขาดทุน 100 ดอลลาร์สหรัฐ

นี่คือการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการเทรด Forex

สเปรดคืออะไร?

ถ้าดูที่ราคาในแพลตฟอร์มการเทรดของคุณ คุณจะเห็นว่ามี 2 ราคาสำหรับแต่ละคู่สกุลเงิน หนึ่งในนั้นคือราคาที่คุณสามารถซื้อสกุลเงินหรือราคา Ask ส่วนอีกอันเป็นราคา Bid ซึ่งคุณสามารถขายได้ ความแตกต่างระหว่าง 2 ราคานี้เรียกว่าสเปรด (Spread) ราคา Ask จะสูงกว่าราคา Bid เสมอ

Spread

ในการซื้อคู่สกุลเงิน แพลตฟอร์มจะแสดงราคาที่คุณสามารถซื้อสกุลเงินแรกเทียบกับสกุลเงินที่สอง เช่น หากราคา Bid สำหรับ EUR/USD อยู่ที่ 1.300 คุณจะซื้อแต่ละยูโรที่ 1.30 ดอลลาร์สหรัฐ หากคุณคิดว่าราคา EUR จะสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นั่นคือคุณจะสามารถขายเงิน 1 ยูโร ได้มากกว่า 1.30 ดอลลาร์สหรัฐ และคุณจะทำการซื้อ ในทางตรงกันข้าม เมื่อคุณขาย แพลตฟอร์มจะให้ราคาที่คุณสามารถขายสกุลเงินหนึ่งเทียบกับอีกสกุลเงิน ดังนั้น หากราคา Bid ของ EUR/USD เท่ากับ 1.300 คุณจะขายแต่ละยูโรที่ราคา 1.30 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคุณจะขายในกรณีที่คุณคิดว่าราคา EUR กำลังจะลดลง ทำให้คุณสามารถซื้อยูโรได้ถูกกว่าที่คุณจ่ายเงินครั้งแรก

Pip คืออะไร?

Pip คือทศนิยมหลักที่ 4 ในราคาคู่สกุลเงิน ยกเว้นคู่ JPY ที่มีทศนิยม 2 หลัก หากราคา EUR/USD ขยับจาก 1.3600 เป็น 1.3650 นั่นคือการเคลื่อนไหว 50-pip หากคุณซื้อคู่สกุลเงินที่ 1.3600 และขายที่ 1.3650 คุณทำกำไรได้ 50-pip

รายได้ทั้งหมดที่คุณจะได้รับจากธุรกรรมนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนของสกุลเงินที่ซื้อ หากคุณซื้อ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (เช่น ไมโครล็อต) แต่ละ pip มีมูลค่า 0.10 ดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นคุณจะได้รับ 5 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับ 50 pip หากคุณซื้อล็อตมินิ เช่น 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ค่า pip ของคุณคือ 1 ดอลลาร์สหรัฐ และรายได้ของคุณจะอยู่ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐ สุดท้ายเป็นกรณีของล็อตมาตรฐาน เช่น 100.000 ดอลลาร์สหรัฐ ค่า pip ของคุณคือ 10 ดอลลาร์สหรัฐ และคุณจะทำเงินได้ 500 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งหมดนี้ใช้ได้ในกรณีที่สกุลเงินหลักของบัญชีเทรดเป็นดอลลาร์สหรัฐ

มูลค่าของ pip เดียวเรียกว่าค่า pip สำหรับแต่ละคู่สกุลเงินที่ USD คือสกุลเงินรอง ค่า pip จะเป็นไปตามที่กล่าวข้างต้น กรณีที่ USD คือสกุลเงินแรก ค่า pip อาจแตกต่างไปเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการคำนวณค่า pip สำหรับ USD/CHF สิ่งที่คุณต้องการคือหารค่า pip USD ปกติ (ดูข้างบน) ด้วยอัตราแลกเปลี่ยน USD/CHF ปัจจุบัน เช่น ค่า pip ของไมโครล็อตจะเป็น $0.10 / 0.9435 = $0.1060 โดยที่ 0.9435 คือราคาคู่สกุลเงินปัจจุบันและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เหมือนกับกับคู่ JPY เช่น USD/JPY แต่คุณต้องคูณผลลัพธ์ด้วย 100

เลเวอเรจคืออะไร?

โดยพื้นฐาน เลเวอเรจคือเครื่องมือที่ทำให้คุณสามารถเปิดและจัดการตำแหน่งที่มีขนาดใหญ่กว่าด้วยเงินจำนวนเพียงเล็กน้อย วิธีนี้ช่วยให้คุณสามารถเพิ่มอัตรากำไรได้โดยการเพิ่มศักยภาพการเทรดของคุณให้สูงสุด คุณเพียงแค่ต้องใช้เงินส่วนหนึ่งของมูลค่าตำแหน่งทั้งหมดเพื่อเปิดธุรกรรม ส่วนต่างระหว่างมูลค่าสัญญาทั้งหมดและปริมาณเงินที่คุณฝากเพื่อเปิดตำแหน่งคืออัตราเลเวอเรจที่แท้จริงของคุณ

หากโบรกเกอร์ FX ของคุณนำเสนอเลเวอเรจที่ 20:1 นั่นหมายความว่าคุณสามารถเทรดตำแหน่งได้มากกว่าบัญชีเทรดของคุณ 20 เท่า ด้วยเหตุนี้ หากคุณต้องการซื้อ 20,000 EUR/USD หน่วย คุณต้องใช้เงินเพียง 1,000 ยูโร เพื่อเปิดตำแหน่ง วิธีนี้เป็นโอกาสที่จะทำให้คุณสามารถกำไรหรือขาดทุน 20 เท่า ซึ่งคุณต้องระมัดระวังและประเมินความเสี่ยงก่อนเปิดตำแหน่งดังกล่าว

CFD คืออะไร?

สัญญาซื้อขายส่วนต่าง

CFD ย่อมาจาก Contract for Difference หมายถึงสัญญาซื้อขายส่วนต่าง และการเทรด CFD คือรูปแบบการเก็งกำไรอย่างหนึ่งในตลาดการเงินที่คุณไม่จำเป็นต้องซื้อหรือขายสินค้าอ้างอิง เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ CFD โดยการคลิกที่นี่

การเทรด Long or Short คืออะไร?

การลงทุนตำแหน่ง Long หมายถึงการซื้อหลักทรัพย์โดยคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น (ขึ้น) สิ่งนี้เรียกว่า Long เพราะใช้เวลานานกว่าราคาตลาดจะสูงขึ้นและลดลงมา ดังนั้น ความหมายของ Long ก็คือการซื้อ

การลงทุนตำแหน่ง Short หมายถึงการขายหลักทรัพย์โดยคาดว่าราคาจะลดลง (ลง) ตามหลักการราคามักตกลงเร็วกว่าที่ขึ้น โดยทั่วไปการเลือก Long หมายถึงการขาย

ข้อสรุปและวิธีการเริ่มต้นการเทรด

การทำความเข้าใจแนวคิดที่อธิบายข้างต้นทำให้คุณสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้เมื่อคุณเห็นคู่เงินขึ้นหรือลงในแผนภูมิ นอกจากนี้ยังจะช่วยให้คุณเห็นโอกาสทางการเทรดในระหว่างการเคลื่อนไหวดังกล่าวอีกด้วย

เราหวังว่าบทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณ หากคุณมีข้อสงสัย โปรดส่งคำถามหรือแนวคิดของคุณในส่วนความคิดเห็น

เพื่อเริ่มต้นการเทรด กรุณาเปิด บัญชีทดลองฟรี และเข้าสู่ระบบ จากนั้นเลือกคู่เงิน เช่น EUR / USD เลือกจำนวนเงินลงทุนของคุณ และซื้อหากคุณคาดหวังว่าคู่นี้จะเพิ่มขึ้น จากนั้นคุณก็จะกลายเป็นเทรดเดอร์ในตลาดที่มีผู้คนทั่วโลกนับล้านใช้งาน คุณจะได้กำไร ถ้า EUR / USD เพิ่มขึ้น หรือขาดทุนหากคู่เงินตกลง

เราขอแนะนำให้คุณอ่านบทเรียนฟรีของเราก่อนเริ่มเทรดกับบัญชีจริง

ทำไมถึงต้องเทรดกับ Libertex?

  • เข้าใช้งานบัญชีเดโมแบบไม่มีค่าใช่จ่าย
  • การช่วยเหลือทางเทคนิค 5 วันต่อสัปดาห์, 24 ชั่วโมงต่อวัน
  • เลเวอเรจสูงสุด 1:500
  • ทำงานบนแพลตฟอร์มได้บนทุกอุปกรณ์: Libertex และ Metatrader 4 และ 5
  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่นสำหรับพื้นที่ละตินอเมริกา
ย้อนกลับ

สัมผัสกับความน่าตื่นเต้นของการเทรด!

ลงทะเบียนเปิดบัญชีเดโมกับ Libertex และมาเรียนรู้วิธีการเทรด