Skip to main content
New and promising cryptocurrencies to Invest in 2019
New and promising cryptocurrencies to Invest in 2019

เงินดิจิตอลใหม่และน่าสนใจสำหรับการลงทุนในปี 2019

ในช่วงไม่กี่เดือนแรกของปีปัจจุบัน ตลาดแสดงให้เห็นถึงสลิปเพจ (Slippage) ที่เกิดจากการถดถอยของ Bitcoin และ Ethereum ซึ่งเป็น 2 สกุลเงินดิจิตอล ที่มีอำนาจมากที่สุด 

ทั้งหมดนี้ส่งผลต่อนักลงทุนมากมาย แต่สำหรับผู้ที่ทำงานกับเทคโนโลยีจริงๆ จะไม่รู้สึกเป็นกังวล ราคาที่ลดลงเป็นโอกาสที่ทำให้สามาถซื้อเงินดิจิตอลในราคาที่จับต้องได้ 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่จะรู้หรือคาดเดาได้อย่างถูกต้องว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด สิ่งเดียวที่คุณทำได้คือการศึกษาและหาเหตุการณ์สำคัญที่เป็นตัวกำหนดให้ราคาของเงินดิจิตอลเพิ่มขึ้นหรือลดลง นี่เป็นข้อมูลปัจจุบันที่ยังไม่แน่นอน ซึ่งเราได้ค้นคว้าและพบว่ามีโปรเจคบล็อกเชนนับร้อยที่ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกการลงทุนที่ดีสำหรับปลายปีนี้ วันนี้เราจะมาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับ 10 โปรเจคที่โดดเด่นมากที่สุด

Oyster (PRL)

Oyster

รายละเอียดโปรเจค

นำเสนอ "อนาคตของการสร้างรายได้และการเก็บข้อมูลของหน้าเว็บ" Oyster เป็นบล็อกเชนที่เปรียบเสมือนการทำสิ่งที่ดีอย่างแท้จริง โดยอ้างอิงตามความจริงที่ว่าการโฆษณาออนไลน์นั้นใช้ไม่ได้หรือไม่ได้ผล โซลูชันที่นำเสนอคือโค้ดเชน 

โปรโตคอล Oyster ช่วยให้เว็บเพจสร้างรายได้ของตัวเองโดยการทำให้ผู้ใช้สามารถใช้พลังงานจาก CPU และ GPU โค้ดเชนจะส่งเสริมปริมาณงาน (Proof of Work) ในเครือข่ายเพื่อสร้างข้อมูลบัญชีแบบไม่มีศูนย์กลางอย่างสมบูรณ์ ในทางกลับกัน มันจะกำจัดความต้องการสำหรับโฆษณาโดยการทำให้เว็บไซต์เปิดและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้เผยแพร่ที่ต้องการจ่ายใน PRL 

ทำไม PRL จึงน่าสนใจ?

การลงทุนใน PRL มีหลายเหตุผลด้วยกัน ประการแรก เทคโนโลยีของมันมีประสิทธิภาพและพร้อมแสดงให้เราเห็นทุกอย่างที่สามารถทำได้ นอกจากนี้ ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดคือความเป็นส่วนตัวจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลและพื้นที่เก็บข้อมูล จึงต้องมีโซลูชันและการป้องกันปัญหาระหว่างการใช้งาน เมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น ทีมงาน Oyster จะทำงานอย่างโปร่งใสเพื่อแก้ไขปัญหา 

ประการที่สอง มันนำเสนอการนำทางที่ปราศจากโฆษณาสำหรับผู้มาเยือน และรายได้แบบพาสซีฟสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ ในทำนองเดียวกัน ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดคือการเข้าถึงผู้มาเยือนจำนวนมาก ดังนั้น Oyster และ PRL สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุม

Power Ledger (POWR)

Power Ledger

รายละเอียดโปรเจค

Power Ledger คือแพลตฟอร์มที่สามารถแลกเปลี่ยนเงินดิจิตอลและพลังงานบนบล็อกเชนของออสเตรเลีย ซึ่งทำให้ตลาดพลังงานทดแทนเป็นแบบไม่มีศูนย์กลาง (Decentralized) หรือกล่าวได้ว่า บริษัทและครัวเรือนที่ต้องการใช้ Power Ledger จะสามารถขายพลังงานแสงอาทิตย์ส่วนเกินในเครือข่ายท้องถิ่น และซื้อพลังงานเพิ่มจากบริษัทไฟฟ้าแบบดั้งเดิมที่เทรดด้วยราคาที่ต่ำกว่า 

แพลตฟอร์มนี้ใช้ระบบคู่ของโทเคน (Sparkz, POWR) เพื่อรักษาความสเถียร ดังนั้น หากค่าของ POWR มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ต้นทุนไฟฟ้าทั้งหมดจะไม่ได้รับผล

ทำไม POWR จึงน่าสนใจ?

โปรเจคอย่าง Power Ledger ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยง นั่นคือเหตุผลที่ไม่ได้มีการวางแผนเหตุการณ์ใหญ่ๆ สำหรับปีนี้

ในช่วงนี้ Power Ledger ได้ลงนามสัญญากับบริษัทพลังงานทดแทนที่สำคัญในแทสมาเนียและออสเตรเลีย เช่น Project Brainstorm และ Nest Energy ในเวลาเดียวกันก็มีการเริ่มทดสอบบริการระบบไมโครกริด (Microgrid) ในประเทศอินเดีย และได้เป็นหุ้นส่วนกับ Liechtenstein Strategic Development Institute ซึ่งเป็นประตูที่จะเปิดสู่ตลาดยุโรป 

สิ่งที่ทำให้ Power Ledger น่าสนใจขึ้นคือการทำข้อตกลงเมื่อไม่นานมานี้ ได้แก่ ข้อตกลงแรกที่ทำกับ Greenwood Solutions ซึ่งเป็นการประกาศการเริ่มต้นโปรเจคในเชิงพาณิชย์ และข้อตกลงที่สองที่ทำกับ Helpanswers ซึ่งเป็นการเปิดตัวโปรเจคมากมายเกี่ยวกับพลังงานทดแทนตามที่ได้ประกาศในอเมริกาเหนือ รวมถึงอัลเบอร์ตา ชิคาโก้ เท็กซัส แคลิฟอร์เนีย และนิวยอร์ก
การทดสอบง่ายๆ ในพื้นที่พักอาศัยคือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการประหยัดเงินและพลังงานที่นำเสนอโดย Power Ledger ดังนั้นพลเมืองและบริษัทอื่นๆ ที่วิเคราะห์บริการจึงไม่ลังเลที่จะเริ่มใช้มัน

Cardano (ADA)

Cardano

รายละเอียดโปรเจค

Cardano ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของการวิจัยเชิงวิชาการในฐานะโปรเจคบล็อกเชนแรกที่เป็นสาธารณะ และเป็นเงินดิจิตอลที่ไม่มีศูนย์กลางแบบโอเพนซอร์ส

เป้าหมายหลักของมันคือการสร้างบ้านที่แอปพลิเคชันแบบไม่มีศูนย์กลางและสัญญาอัจฉริยะสามารถรับการประมวลผลผ่านการยืนยันอย่างเป็นทางการ ซึ่งการทดสอบทางคณิตศาสตร์จะทำการตรวจสอบโค้ด ขั้นตอนนี้ทำให้ Cardano เป็นแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือและปลอดภัยสำหรับแอปพลิเคชันมูลค่าสูง 

ทำไม ADA จึงน่าสนใจ?

โทเคนของ Cardano รู้จักกันในชื่อ ADA ซึ่งเป็นที่กล่าวถึงในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2017 Cardano ได้เปิดตัวโร้ดแมปฉบับปรับปรุง ซึ่งได้รับการจัดให้อยู่อันดับที่ 9 ในอันดับมูลค่าหลักทรัพย์ ในปีนี้มันยังคงสามารถรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้ ทำให้มีผู้ใช้ที่สนใจเพิ่มขึ้นและต้องการลงทุนในโปรเจค 

นอกจากนี้ Cardano วางแผนที่จะอัปเดตเวอร์ปัจจุบันของ Byron เป็น Shelley ด้วยเหตุนี้ Byron จึงทุ่มเทสร้างแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ที่ชอบเทรดด้วย ADA เพื่อทำการปรับปรุงประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนเหมือนกับ Binance และ Bittrex 

สำหรับส่วนนี้ Shelley จะทำการเคลื่อนย้ายโดยตรงในไตรมาสที่ 3 เวอร์ชันล่าสุดนี้นำเสนอการปรับปรุงที่รองรับเทคโนโลยี ซึ่งจะเปลี่ยนไปเป็นระบบอัตโนมัติและระบบแบบไม่มีศูนย์กลาง (Decentralized) ทั้งหมด Stakepool และ Testnets จะเป็นฟีเจอร์แรกที่ใช้งานได้สำหรับผู้ใช้ ADA ซึ่งสามารถสร้างความเคลื่อนไหวเชิงบวกได้

Ontology (ONT)

Ontology

รายละเอียดโปรเจค

Ontology คือโปรเจคนวัตกรรมบนพื้นฐานของบล็อกเชนสาธารณะและมีประสิทธิภาพสูง ถือเป็นแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือและสามารถทำงานร่วมกันระหว่างผู้ใช้ ซึ่งสร้างขึ้นในปี 2017 โดยบริษัท China Onchain Ontology มองหาวิธีกำจัดอุปสรรคระหว่างส่วนธุรกิจและบล็อกเชน ทำให้สามารถพัฒนาโปรเจคทั้งรูปร่างและขนาด 

ทำไม ONT จึงน่าสนใจ? 

นอกจากจะเป็นโปรเจคที่ค่อนข้างใหม่และเพิ่งสร้างขึ้นมา ONT ยังได้รับการสนับสนุนโดยองค์กรทางการเงินขนาดใหญ่ของจีนที่มีมืออาชีพและทีมงานที่ยอดเยี่ยม

Ontology ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก เนื่องจากการเปิดตัวของ Mainnet ในปี 2018 สิ่งนี้เป็นการเริ่มการพัฒนาต่อสาธารณะและอธิบายรายละเอียดเครื่องมือที่ทีมใช้สำหรับการสร้าง Dapp การสร้างแอปพลิเคชันเริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อ Mainnet ได้รับการเปิดตัว ซึ่งสามารถเพิ่มความนิยมของโทเคน ONT ได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ 

หลังจากเป็นที่รู้จักก็ยิ่งทำให้อันดับเพิ่มสูงขึ้น ทีมงานการตลาดเบื้องหลัง ONT คอยทำให้สมาชิกรู้สึกสนใจ โดยมีการให้สิทธิประโยชน์ในเดือนมกราคม 2018 ด้วยการมอบขอบขวัญ 1,000 ONT เพียงแค่สมัครรับจดหมายข่าว 

ARK (ARK)

ARK

รายละเอียดโปรเจค

ARK อยู่บนพื้นฐานของระบบที่เรียกว่า SmartBridge ทำให้บล็อกเชนของโปรเจคที่แตกต่างกันสามารถสื่อสารกันได้ เป้าหมายหลักคือการนำเสนอจุดเชื่อมต่อร่วมกันให้กับเงินดิจิตอลแต่ละสกุล ทำให้ผู้ใช้ที่เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายเงินดิจิตอลหนึ่งสามารถเก็บรักษาสกุลเงินไว้ที่นั่นได้ ขณะเดียวกันก็ดำเนินการกับสัญญาอัจฉริยะบนแพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน 

ในทางกลับกัน ARK คือการสร้างจุด (Point) คลิก บล็อกเชนที่จะทำให้ทุกคนสามารถสร้างบล็อกเชนของตัวเองได้แม้ว่าจะไม่มีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมก็ตาม

ทำไม ARK จึงน่าสนใจ?

ในช่วงไม่กี่เดือนแรกของปีนี้ ข้อสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของ ARK ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเมื่อ Mainnet มีอายุ 1 ปี หลังจากการเปิดตัว เนื่องจากขาดการอัปเดตจึงทำให้โทเคนไม่ได้นำเสนอผลตอบแทนอะไรมากนัก ดังนั้น ARK จึงเริ่มดำเนินการบางอย่าง ทีมงานได้ทำการแก้ไขและปรับปรุงส่วนด้านต่างๆ เพื่อให้โปรเจคดูมีอนาคตมากขึ้น 

ในปีเดียวกัน ARK ได้ตัดสินใจเปลี่ยนเทคโนโลยี SmartBridge เป็นปุ่ม Blockchain (ปุ่มกด Blockchain) และกำลังทำการอัปเดตเชิงเทคนิคของ ARK Core v2 โดยอ้างอิงตามความเชื่อที่ว่าบล็อกเชนจะเปลี่ยนแปลงเข้ากับผู้ที่ต้องการเข้าไปในโลกของบล็อกเชน และกำลังพัฒนาเครื่องมือเพิ่มเติมเพื่อให้ทุกคนสามารถสร้างบล็อกเชนของตัวเองได้ 

หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจะแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีบล็อกเชนและทำให้มันมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม มันยังคงถูกมองเป็นกล่องดำที่เต็มไปด้วยโค้ดที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งมีเพียงวิศวกรขั้นสูงเท่านั้นที่สามารถเทรดได้ 

ICON (ICX)

ICON

รายละเอียดโปรเจค

โปรเจค ICON ตั้งอยู่บนพื้นฐานของแพลตฟอร์มแอพพลิเคชั่นแบบไม่มีศูนย์กลาง (Decentralized) ซึ่งเน้นการช่วยเหลือหน่วยงานแชร์ข้อมูลโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากและมอบความเป็นส่วนตัว ICON ทำให้บล็อกเชนอิสระตราบใดที่มันเชื่อมโยงกับเชนหลักและอยู่ภายใต้การควบคุมด้วยกฏของมันเอง 

ICON ได้รับการใช้งานโดยบริษัทประกันภัยและโรงพยาบาล ยกตัวอย่างาเช่น หากคนไข้มีการรักษาที่ประกันครอบคลุม โรงพยาบาลต้องส่งข้อมูลของบุคคลโดยใช้บล็อกเชน 

ทำไม ICX จึงน่าสนใจ?

ระหว่างปี 2017 ICON ได้เน้นไปที่การจัดตั้งรากฐานของโปรเจค ท่ามกลางความสำเร็จหลักรวมถึงผลงานในไตรมาสที่ 1 ของปี 2018 กระเป๋าเงินดิจิตอลหลายอันของ ICON Mainnet 1.0 ถูกเรียกว่า ICONex และมีอีกหลายบริษัทที่เป็นตลาดสำคัญ 

ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2018 ทีมงาน ICON ถูกคาดหวังว่าจะมุ่งเน้น 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่ การธนาคาร การศึกษา ประกัน และสุขภาพ แต่ละส่วนเหล่านี้จะมีเครื่องมือส่วนบุคคลที่สร้างขึ้น ซึ่งทำหน้าที่รองรับการขยายตัวของ ICON ในตลาดใหม่นี้ เป้าหมายปัจจุบันคือเน้นไปที่ขอบเขตการทำงานและโปรโมชันของโทเคน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การพัฒนาเทคโนโลยีเท่านั้น 

Stratis (STRAT)

Stratis

รายละเอียดโปรเจค

Stratis เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับนักพัฒนา C # ในการสร้างบล็อกเป็นของตนเอง นอกจากนี้ เป้าหมายหลักของมันคือการจัดหาโซลูชันที่เรียบง่ายและเข้าถึงได้สำหรับหน่วยงานด้านการเงิน เทคโนโลยี และทางการแพทย์ที่ต้องการสร้างและทดสอบ Dapp สำหรับธุรกิจ

ทำไม STRAT จึงน่าสนใจ?

ตลอดปี 2017 นักพัฒนา Stratis ได้ทำการพัฒนาเวอร์ชันเบต้า และกำหนดเป้าหมายใหม่สำหรับปี 2018 ซึ่งเน้นไปที่เวอร์ชันอัลฟ่า เบต้า และ testnet ของ Fullnet Mainnet Beta (รวมถึง GUI) แพลตฟอร์ม ICO คือโปรโตคอลความเป็นส่วนตัวของ Breeze Wallet, Sidechains และสัญญาอัจฉริยะ 

ยกตัวอย่างเช่น Sidechains ถือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจที่สุดสำหรับหน่วยงานใหม่ที่ตัดสินใจใช้ Stratis เป็นแพลตฟอร์มเริ่มต้นแบบไม่มีศูนย์กลาง (Decentralized) ทั้งนี้มีผู้ที่ตัดสินใจใช้ Stratis เพิ่มมากขึ้น การแลกเปลี่ยนโทเคน STRAT ก็เพิ่มขึ้น ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกการลงทุนที่ยอดเยี่ยมสำหรับปีที่ผ่านมา

Nano (NANO)

Nano

รายละเอียดโปรเจค

แต่เดิม Nano รู้จักกันในชื่อ Raiblocks ซึ่งเป็นเงินดิจิตอลที่ได้รับการยอมรับในเรื่องสถาปัตยกรรมที่มีประสิทธิภาพ เงินดิจิตอลนี้แตกต่างจากโปรเจคเข้ารหัสอื่นๆ ที่เน้นความสามารถในการขยายตัว อัตรา และความเร็วตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ซึ่ง Nano พยายามทำให้ธุรกรรมได้รับการดำเนินการทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกจากนี้ มันยังสามารถขยายตัวได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นไม่ว่าจะมีผู้ใช้มากแค่ไหนในเครือข่าย มันก็จะไม่มีทางล่ม 

ทำไม NANO จึงน่าสนใจ?

ขณะที่เงินดิจิตอลกำลังได้รับความนิยม นักพัฒนาเริ่มมองเห็นปัญหาเกี่ยวกับความสามารถในการขยายตัวและประสิทธิภาพของเครือข่าย แต่สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับ NANO ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าความสามารถในการขยายตัวของมันไม่มีสิ้นสุด 

นอกจากนี้ มันยังเน้นไปที่เรื่องลดการใช้พลังงานที่มีอยู่ในเงินดิจิตอลเข้ารหัส เพื่อลดการใช้พลังงาน และเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น โร้ดแมปเต็มไปที่อัปเดตที่เน้นไปที่การขยายตัวเชิงพาณิชย์ ธุรกรรมจากจุดขายและที่จัดเก็บเหรียญ

นอกจากนี้ การไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมต่อธุรกรรมยิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เงินดิจิตอลนี้น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ยังลังเลกับการเดิมพันโปรเจคนี้ ชื่อที่จดจำง่ายสามารถดึงดูดความสนใจของสาธารณชนและทำให้เกิดการขยายตัวได้ดียิ่งขึ้น 

Request Network (REQ)

Request Network

รายละเอียดโปรเจค

การส่งและรับการชำระเงินดิจิตอลคือหนึ่งในปัญหาปัจจุบันที่เงินดิจิตอลกำลังหาทางแก้ไข ในส่วนของ Network of Requests (Request Network) ได้มีการกำหนดเรื่องนี้เป็นเป้าหมายและมุ่งมั่นที่จะดำเนินการจนกว่าจะสำเร็จ 

แพลตฟอร์มนี้ทำให้ทุกคนสามารถร้องขอและรับการชำระเงินสำหรับบริการโดยไม่จำเป็นต้องมีคนกลาง Request Network ช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมอีกต่อไป มันคือเครือข่ายแบบไม่มีศูนย์กลาง (Decentralized) ที่สามารถดำเนินการได้ทั่วโลก

ทำไม REQ จึงน่าสนใจ?

เมื่อปลายปี 2017 REQ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่แสดงให้เห็นลักษณะพิเศษมากมายของเวอร์ชันสุดท้ายที่จะนำเสนอ รวมถึงค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ต่ำ การออกใบเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ การตรวจสอบอัจฉริยะ ธุรกรรมข้ามสกุลเงิน และการป้องกันสำหรับผู้ใช้ สิ่งเหล่านี้ทำให้ REQ อยู่ในตำแหน่งที่กลายเป็นคู่แข่งของบริษัทบัตรเครดิตและผู้ให้บริการการชำระเงินอย่าง PayPal ความแตกต่างคือ REQ นำเสนอแพ็กเกจที่น่าสนใจกว่าบนพื้นฐานของระบบแบบไม่มีศูนย์กลาง โดยปราศจากค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม ซึ่งมีเฉพาะอัตราขั้นต่ำต่อขั้นตอนการขุดเท่านั้น

เครือข่ายที่ใช้ REQ เริ่มทำงานในเดือนมีนาคม 2018 ในเวอร์ชันแรก ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกระเป๋าเงินที่สะดวกไปยังเครือข่าย ตลอดจนการส่งและรับคำขอในสกุล ETH อัปเดตการส่งสัญญาณและจัดการคำขอทั้งหมดที่เกี่ยวกับที่อยู่กระเป๋าเงิน นอกจากนี้ การจัดการเงินกระดาษจะเปิดใช้งานเร็วๆ นี้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ REQ ที่นำมาใช้เป็นระบบการชำระเงิน 

อีกเหตุการณ์สำคัญที่ REQ เกี่ยวข้องคือการมีส่วนกับ PwC France and Francophone Africa มากไปกว่านั้น ทีมงาน REQ ได้เริ่มเจรจากับ World Bank และ IMF ซึ่งอาจหมายถึงการสนใจนำเครือข่ายของ Request Network และโทเคน REQ มาใช้ 

Stellar (XLM)

Stellar

รายละเอียดโปรเจค

แม้จะได้รับการนิยามว่าเป็น "โครงสร้างพื้นฐานของการชำระเงินแบบโอเพนซอร์ส" ตอนที่เพิ่งเปิดตัว แต่ Stellar เป็นมากกว่านั้น นี่คือโซลูชันบล็อกเชนที่สามารถเคลื่อนย้ายเงินทุนข้ามพรมแดมได้อย่างรวดเร็ว น่าเชื่อถือ และในราคาที่จับต้องได้ โทเคน XLM แตกต่างจาก Ripple เนื่องจากเป็นการเชื่อมโยงสกุลเงินที่ได้รับความไว้วางใจ และสามารถทำให้การแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นได้เกือบทันที โดยไม่ต้องมีผู้ซื้อหรือผู้ขายเข้ามาเกี่ยวข้องกับเงินดิจิตอล 

ทำไม XLM จึงน่าสนใจ?

Stellar มีปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ 2 ประการ ซึ่งสามารถทำให้มันกลายเป็นเงินดิจิตอลที่ในอันดับสูงสุด นั่นคือ Stellar Development Foundation และ The Lightning Network

ประการแรกคือการประกาศรวมตัวกับ Keybase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารที่ปลอดภัย ประการที่สองคือการทำหน้าที่กำหนดขั้นตอนการชำระเงินที่เกิดขึ้นนอกเชน ทำให้ทุกฝ่ายต้องดำเนินการผ่านสัญญาอัจฉริยะ โดยไม่จำเป็นต้องเทรดผ่านบล็อกเชน ในทางกลับกัน มันทำให้การส่งและรับการชำระเงินมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้ Stellar สามารถประมวลผลกิจกรรมและธุรกรรมได้มากกว่าที่เคย 

The Lightning Network จะทำการแก้ไขปัญหาสำคัญที่เกิดจากโปรเจคบล็อกเชนส่วนใหญ่ ซึ่งเกี่ยวกับความสามารถในการขยายตัว ทำให้ Stellar มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ Lightning ได้ถูกเพิ่มเข้าไปใน testnet ของ Stellar เมื่อวันที่ 1 เมษายน ของปีนี้ และคาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นในเดือนธันวาคม 

ลงทุนในเงินดิจิตอลอย่างไรโดยไม่ให้ล้มเหลว?

การเทรดสกุลเงินดิจิตอล

ในความเป็นจริงการลงทุนกับเงินดิจิตอลมีความเสี่ยงสูง ซึ่งสามารถทำให้สูญเสียเงิน เนื่องจากตลาดเงินดิจิตอลมีความผันผวนสูงมาก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือบิตคอยน์ (Bitcoin) ซึ่งเป็นเงินดิจิตอลที่นักลงทุนจำนวนมากตัดสินใจเสี่ยงอีกครั้งเมื่อตอนปลายเดือนเมษายน 2018 ด้วยความหวังที่ว่ามันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น แต่กลับต้องจบลงที่การสูญเสียจำนวนมาก 

นอกจากนี้ การเทรดเงินดิจิตอลยังเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการลงทะเบียนที่ยุ่งยากในตลาดเงินดิจิตอล ขณะที่กระเป๋าเงินของคุณมีความเสี่ยงที่จะโดนแฮก หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อนี้ คุณสามารถอ่านบทความนี้ซึ่งมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก 

อย่างไรก็ตามยังมีโซลูชันที่จะทำให้คุณสามารถเทรดเงินดิจิตอลและสร้างผลตอบแทนให้สูงที่สุด นั่นคือ CFD หรือสัญญาซื้อขายส่วนต่าง สิ่งเหล่านี้มอบโอกาสให้คุณสามารถเปิดตำแหน่ง Short หรือ Long ตลอดจนการเทรดด้วยเลเวอเรจ ทำให้คุณสามารถลงทุนด้วยจำนวนเงินที่มากกว่าที่คุณมีอยู่ 

หากคุณสนใจ Libertex มอบโอกาสให้คุณสามารถเทรด CFD ตอนนี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือเปิดบัญชีทดลองฟรี ซึ่งคุณสามารถฝึกฝนการเทรดได้ คุณจะได้เรียนรู้กลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดในตลาดจริงอีกด้วย เมื่อคุณรู้สึกพร้อม คุณสามารถเริ่มต้นทำเงินจริงได้ด้วยบัญชีเทรดจริง และสร้างเส้นทางอาชีพที่ประสบความสำเร็จกับ Libertex 

เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ ขอให้คุณกลายเป็นนักเทรดมืออาชีพที่มีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ!

ทำไมถึงต้องเทรดกับ Libertex?

  • เข้าใช้งานบัญชีเดโมแบบไม่มีค่าใช่จ่าย
  • การช่วยเหลือทางเทคนิค 5 วันต่อสัปดาห์, 24 ชั่วโมงต่อวัน
  • เลเวอเรจสูงสุด 1:500
  • ทำงานบนแพลตฟอร์มได้บนทุกอุปกรณ์: Libertex และ Metatrader 4 และ 5
  • ไม่มีค่าคอมมิชชั่นสำหรับพื้นที่ละตินอเมริกา
ย้อนกลับ

สัมผัสกับความน่าตื่นเต้นของการเทรด!

ลงทะเบียนเปิดบัญชีเดโมกับ Libertex และมาเรียนรู้วิธีการเทรด