เศรษฐกิจของหลายประเทศทั่วโลกได้มีการฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากการระบาดใหญ่ โดยเฉพาะยุโรปที่ได้รับผลกระทบหนักเป็นพิเศษ ยุโรปต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ตั้งแต่เงินเฟ้อที่พุ่งสูง ซึ่งทำให้ ECB ต้องรับมือกับความท้าทาย จากตลาดเครดิตที่ไวมากต่ออัตราดอกเบี้ย รวมถึงความไม่มั่นคงด้านพลังงานที่รุนแรงขึ้น จากความไม่สงบทางการเมืองบริเวณชายแดน อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่หนักที่สุดของภาวะเศรษฐกิจจากโควิด อยู่ในสหราชอาณาจักร หลังจาก Brexit ประเทศอังกฤษต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่นเดียวกับเพื่อนบ้านใน EU27 และยังต้องจัดการกับความท้าทายเหล่านั้นอย่างโดดเดี่ยว จากการค้าที่ลดลงกับหนึ่งในคู่ค้ารายใหญ่ และแม้จะเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว ด้วยการที่สหราชอาณาจักรมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องทุกเดือนในปี 2024 แต่การหยุดชะงัก 2 เดือน ทำให้นักวิเคราะห์เริ่มกังวลถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
แต่ล่าสุด สำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานว่า สหราชอาณาจักรมีการเติบโต 0.2% ในเดือนสิงหาคม ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง และยิ่งมีข่าวดีเพิ่มขึ้นอีก จากรายงาน CPI ซึ่งระบุว่า อัตราเงินเฟ้อลดลงมาอยู่ที่ 1.7% ต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการประกาศงบประมาณฤดูใบไม้ร่วง จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Rachel Reeves และจะมีผลต่อแนวทางของธนาคารกลางอังกฤษ และเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 แต่สิ่งนี้จะส่งผลอย่างไรต่อค่าเงินปอนด์ และดัชนีในสหราชอาณาจักร? ปัจจัยสำคัญที่กำหนดแนวโน้มของสิ่งเหล่านี้ ไปจนถึงปี 2025 มีอะไรบ้าง?
ปอนด์ต่อปอนด์
หลังจากข่าวดีในวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม ค่าเงินปอนด์ได้ขยับขึ้น 0.05% แต่การเพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นไม่นานนัก และ GDP/USD ได้กลับมาที่ระดับเฉลี่ย 1.30 ภายในไม่กี่วัน ล่าสุด (16/10) ราคาสปอตอยู่ที่ประมาณ 1.3070-1.3075 และแทบไม่เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งสัปดาห์ ในขณะเดียวกัน ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ 10 ปีได้ลดลงเล็กน้อย โดยมีการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 4.211% หลังจากที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงก่อนหน้านี้ แม้จะมีตัวเลข GDP ที่แข็งแกร่ง และอัตราดอกเบี้ยที่สูงถึง 5% แต่ดูเหมือนนักลงทุนจะลังเล ที่จะทุ่มไปกับค่าเงินปอนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังการรายงาน CPI ของเดือนกันยายนที่ 1.7% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ของ BoE
ซึ่งทำให้โอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 7 พฤศจิกายนมีมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงการลดอัตราดอกเบี้ย 50 bps ของธนาคารกลางสหรัฐเมื่อไม่นานมานี้ การลดอัตราดอกเบี้ยของอังกฤษ จะกดดันค่าเงินปอนด์ให้ต่ำลงอีก เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ นี่ไม่ได้คำนึงถึงการที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่ม ซึ่งเครื่องมือ CME FedWatch ได้คาดการณ์ไว้ที่ 90% ในกรณีนี้ ที่เฟดไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่ม หรือ BoE ปรับลดอัตราดอกเบี้ย เราน่าจะคาดหมายได้ว่า GBP/USD จะยังคงเทรดอยู่ในช่วง 1.30–1.33 โดยที่โอกาสจะลงไปต่ำกว่าแนวรับ 1.30 ก็ยิ่งมากขึ้นไปอีก
ดีสำหรับธุรกิจ
แม้ข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นบวก จะไม่ส่งผลดีต่อค่าเงินปอนด์และพันธบัตรรัฐบาล แต่จะเป็นข่าวดีสำหรับภาคธุรกิจของสหราชอาณาจักร อัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่ต่ำ ประกอบกับตลาดแรงงานที่เอื้ออำนวย จะกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค และสร้างวงจรที่เป็นบวก ซึ่งส่งผลให้ดัชนีอังกฤษและหุ้นรายตัวปรับตัวขึ้น โดย FTSE 100 ได้ขยับขึ้นกว่า 3% ตั้งแต่เดือนสิงหาคม และการเพิ่มขึ้นนี้น่าจะเร่งตัวขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง และครัวเรือนมีรายได้เหลือใช้มากขึ้นหลังชำระค่าจำนอง
อย่างไรก็ตาม งบประมาณฤดูใบไม้ร่วงที่จะมาถึง จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวโน้มของตลาดหุ้น โดยการเพิ่มภาษีสรรพสามิตสุรา อาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจบริการและเครื่องดื่ม แต่สิ่งที่น่ากังวลที่สุดสำหรับภาคธุรกิจ คือการเพิ่มเงินสมทบประกันสังคมของนายจ้าง สำหรับเงินเดือนและเงินบำนาญ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการที่มีการเสนอเพื่อลด "ช่องว่างงบประมาณ 22 พันล้านปอนด์" ที่รัฐบาลอนุรักษ์นิยมทิ้งไว้ นี่จะเป็นการเพิ่มภาระค่าจ้างอย่างยิ่ง และอาจทำให้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงน้อยลง โดยที่อาจมีซานต้าแรลลี่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ภาพรวมนี้น่าจะชัดเจนในช่วงต้นปี 2025
เทรด CFD ของหุ้นอังกฤษและอื่นๆ อีกมากมายด้วย Libertex
พอร์ตโฟลิโอ CFD ของสินทรัพย์อ้างอิงของ Libertex มีทุกอย่าง ตั้งแต่โลหะ คริปโต และฟอเร็กซ์ ไปจนถึงหุ้น ดัชนี และ ETF เทรด CFD ของสินทรัพย์อ้างอิงมากมาย เช่น FTSE 100, iShares MSCI United Kingdom, GBP/USD และ EUR/USD หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับสิ่งที่เรานำเสนอให้คุณได้ หรือสร้างบัญชีเป็นของคุณเอง ให้ไปเยี่ยมชมที่ www.libertex.org/signup วันนี้
