Skip to main content
gold-growth

ราคาทองคำไม่เพิ่มขึ้นต่อ แต่จะนานแค่ไหนกัน?

ที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาที่มีความผันผวนสำหรับทองคำ โลหะเหลืองอร่ามนี้ได้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 40% ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่สูงผิดปกติ สำหรับสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อแบบดั้งเดิมตัวนี้ เพื่อแสดงให้เห็นภาพ ในช่วงที่เลวร้ายที่สุดของการแพร่ระบาดขอโควิด (ช่วงต้นปี 2020 ถึงกลางปี 2022) ราคาทองคำเพิ่มขึ้นเพียง 20% เท่านั้น ราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปีนี้ เกิดจากหลายสาเหตุ: ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ยังคงยืดเยื้อทั้งในยุโรปและตะวันออกกลาง เงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง และแน่นอน สงครามการค้ากับจีนที่เกิดจากนโยบายภาษีของทรัมป์ วอชิงตันได้ตั้งกำแพงภาษีสูงถึง 145% สำหรับสินค้าจีน ก่อนที่จะผ่อนผันให้กับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ภายใต้แรงกดดันจากบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ Mag Seven แม้ทรัมป์ได้ยืนกรานว่า สี จิ้นผิง จะต้องเป็นฝ่ายเริ่มเจรจาก่อน แต่จีนกลับไม่ยอมอ่อนข้อให้กับท่าทีแข็งกร้าวของสหรัฐฯ

หลังจากนั้น เมื่อทรัมป์กลับลำจากการตั้งภาษีตัวเลขสามหลักกับจีน รวมถึงการไม่เรียกร้องให้ปลดประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ราคาทองคำสปอตได้ร่วงลงมากถึง 1.5% ไปอยู่ที่ $3,268 ต่อทรอยออนซ์ในวันที่ 28 เมษายน ก่อนจะดีดกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ $3,300 อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ราคานี้ยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ $3,500 อยู่ราว 5.1% ในขณะที่ตลาดหุ้นกลับมาฟื้นตัว และมีความหวังเพิ่มขึ้นว่า ข้อตกลงทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อาจบรรลุในลักษณะที่เท่าเทียมกัน แต่วัฏจักรขาขึ้นของทองคำกำลังจะจบลงหรือยัง หรือเรายังมีโอกาสเห็นราคาทองพุ่งสูงขึ้นไปอีก? บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกปัจจัยภายในและภายนอก ที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปี 2025

แรงกดดันลดลง

อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ลดลงเหลือ 2.4% ในเดือนมีนาคม (จาก 2.8% ในเดือนกุมภาพันธ์) ซึ่งถือว่าใกล้แตะเป้าหมายของเฟดที่ 2% อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 2.6% ดอนัลด์ ทรัมป์เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์พาวเวลล์อย่างต่อเนื่อง เครื่องมือ FedWatch ของ CME คาดการณ์ว่า มีโอกาสเกิน 50% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม โดยทั่วไป ข่าวนี้มักเป็นข่าวร้ายต่อทองคำ เพราะจะทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นดูน่าสนใจมากขึ้น และลดแรงจูงใจในการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความไม่แน่นอนของการค้าระหว่างประเทศ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงแล้ว การที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลงอีก อาจเป็นแรงหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นอีก และด้วยการที่ราคาน้ำมันดิบยังคงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ $60 ต่อบาร์เรล รวมถึงเส้นทางขนส่งทางตรงยังคงมีความเสี่ยง ต้นทุนการผลิตของสินค้าจำนวนมากเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะยังไม่รวมผลกระทบจากภาษีก็ตาม

บริษัทหลายแห่งเริ่มย้ายกระบวนการผลิตไปยังประเทศอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากภาษีในอนาคต รวมถึงเพื่อความมั่นคงของชาติ ความต่อเนื่องของอุปทาน และการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ความพยายามนี้ย่อมทำให้ต้นทุนการลงทุนสูงขึ้น ซึ่งจะสะท้อนออกมาในราคาสินค้า ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ก็เริ่มแสดงสัญญาณชะลอตัว จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงาน มีตำแหน่งงานว่างอยู่ราว 7.19 ล้านตำแหน่ง ลดลง 288,000 ตำแหน่งจากเดือนก่อนหน้า และลดลงถึง 901,000 ตำแหน่ง (11%) เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่า วัฏจักรขาขึ้นของทองคำยังไม่จบ และเราอาจเห็นราคาพุ่งต่อไปได้ในปี 2025

เกินควบคุมได้

ในสงครามการค้ารอบที่สองระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ดูเหมือนว่าทรัมป์จะเป็นฝ่ายกะพริบตาก่อน หลังจากที่มีการถอดภาษีหลายรายการออก และปรับโทนคำพูดให้เบาลงต่อจีน แม้ท่าทีของทรัมป์ดูเหมือนจะส่งสัญญาณในเชิงบวกว่า ข้อตกลงการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อาจเกิดขึ้นในเร็ววัน แต่ความจริงคือ ในตอนนี้ยังไม่มีข้อตกลงใดๆ เกิดขึ้น และทางจีนก็ยืนยันว่า การเจรจายังไม่เริ่มต้นด้วยซ้ำ ซึ่งขัดกับคำกล่าวของทรัมป์ที่ระบุว่า การเจรจาเป็นไปด้วยดี ด้วยบุคลิกที่คาดเดาได้ยากของทรัมป์ และความหมกมุ่นกับการแสดงออกว่า เป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง และควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ เราไม่อาจตัดความเป็นไปได้ว่า ความขัดแย้งอาจปะทุขึ้นอีกครั้ง

นอกจากนี้ มาตรการภาษีตอบโต้ที่ประกาศในวันปลดแอก ซึ่งมุ่งเป้าไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ ยังไม่ถูกยกเลิก แต่เพียงแค่ถูกพักไว้ 90 วันเท่านั้น หากไม่มีข้อตกลงกับ 57 ประเทศที่ได้รับผลกระทบภายในช่วงปลายฤดูร้อน ภาษีเหล่านี้จะมีผลบังคับใช้โดยอัตโนมัติ และผลักดันเงินเฟ้อ (รวมถึงราคาทองคำ) ให้สูงขึ้นต่อไป ธนาคารกลางทั่วโลกจะยังคงเป็นตัวผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้น จากการพยายามซื้อทองคำ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับทุนสำรอง และเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง จากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ นับตั้งแต่ปี 2022 ธนาคารกลางทั่วโลกได้ซื้อทองคำเฉลี่ยราว 1,000 ตันต่อปี ซึ่งมากกว่าสองเท่าของค่าเฉลี่ยรายปีในทศวรรษก่อนหน้านี้ หลังจากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2024 ปริมาณการซื้อทองคำของธนาคารกลางได้เพิ่มขึ้นถึง 54% เมื่อเทียบเป็นรายปี เป็น 333 ตันในไตรมาสสุดท้ายเพียงไตรมาสเดียว ตามข้อมูลโดยประมาณจากสภาทองคำโลก (WGC) เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยทั้งความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่ และอุปสงค์ของทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งต่างๆ เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาทองคำให้เพิ่มขึ้นในระยะกลาง แต่หากสงครามการค้าและความขัดแย้งต่างๆ ได้ข้อยุติเร็วเกินคาด ราคาทองคำก็อาจปรับตัวลงได้

เทรดทองคำและ CFD ตัวอื่นๆ ด้วย Libertex

ด้วย Libertex คุณสามารถเทรด CFD ของสินทรัพย์อ้างอิงได้หลากหลาย ตั้งแต่หุ้น ETF และดัชนี ไปจนถึงคริปโต ออปชัน และสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจาก ทองคำ (XAU/USD) และ เงิน (XAG/USD) แล้ว Libertex ยังมี CFD ของสินค้าโภคภัณฑ์ตัวอื่นๆ มากมาย หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสร้างบัญชีเทรดจริงเป็นของคุณเอง ให้ไปที่ www.libertex.org/signup วันนี้!

สัมผัสกับความน่าตื่นเต้นของการเทรด!

ลงทะเบียนเปิดบัญชีเดโมกับ Libertex และมาเรียนรู้วิธีการเทรด